จิตสำนึกแห่งทางเลือกในยุคทักษิณครองเมือง (10)
10. แมคเวิลด์กับทักษิณาธิปไตย
แมคเวิลด์ (Mcworld) หมายถึง เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์อันสุดขั้ว ซึ่งประกอบขึ้นมาจากเครือข่ายข้อมูลไฮเทคที่มีอำนาจสูง แต่ไม่มีตัวตนเพราะมันเป็น สภาวะความจริงเสมือน (virtual reality) ชนิดหนึ่งที่ทำให้ตลาดเศรษฐกิจข้ามชาติลื่นไหลไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
นอกจากนี้ แมคเวิลด์ ยังเป็น ผลผลิตทางวัฒนธรรมแบบป็อป ที่มีอเมริกาเป็นแม่แบบ มันมีลักษณะที่มุ่งขยายตัวออกไปอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด มันเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเท่าๆ กับเป็นสินค้า
ในอีกแง่หนึ่ง แมคเวิลด์ คือ จักรวาฬแห่ง "ความอยาก" ที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับการบริโภคขนานใหญ่ และสาระบันเทิงข่าวสารจำนวนมหึมา โดยมีผลกำไรเป็นสิ่งจูงใจ จักรวาฬแห่ง "ความอยาก" นี้จึงถูกขับเคลื่อนด้วย ความทะยานอยากของผู้บริโภคจำนวนนับพันล้านคนที่ถูกครอบงำด้วย ลัทธิเอกนิยมทางวัฒนธรรมแห่งแมคเวิลด์ ให้มีความต้องการส่วนใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน เพราะถูกหล่อหลอมมาจากระบบคุณค่าแบบเดียวกันของแมคเวิลด์
ตัวตนของแมคเวิลด์ ประกอบขึ้นมาจาก กระบวนการทำให้ทันสมัยกับระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่มุ่งขยายตัวอย่างบ้าคลั่ง และโลกาภิวัตน์ทางวัฒนธรรมแบบป็อป
กระบวนการทำให้ทันสมัย คือ การสร้างอารยธรรมที่เป็นโลกียะที่เป็นวัตถุนิยม ที่ให้ความสำคัญกับการใช้เหตุผล และความเป็นวิทยาศาสตร์เป็นบรรทัดฐานเดียวในการนิยาม "ความจริงที่หลากหลาย"
ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่มุ่งขยายตัวอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งนำไปสู่ ภาวะอนาธิปไตย หรือความไร้ระเบียบจากภาวะไร้การควบคุมพฤติกรรมเก็งกำไรของกองทุนข้ามชาติ และบรรษัทข้ามชาติ
โลกาภิวัตน์ทางวัฒนธรรมแบบป็อปที่ปรากฏในรูปของอาหารจานด่วน อุตสาหกรรมบันเทิงที่ฉาบฉวยและไร้รสนิยม รวมทั้งการแพร่หลายของสินค้ายี่ห้อดังที่เป็นรูปการณ์หนึ่งของการครอบงำทางความคิดที่หยั่งลึก
อิทธิพลของแมคเวิลด์ในระดับโลก ได้บีบอัดชาติต่างๆ ซึ่งรวมทั้งชาติไทยด้วย ให้เข้าไปมีสัดส่วนในพื้นที่ที่เจาะจงส่วนหนึ่งใน สวนสนุกธีมปาร์กแห่งโลกที่แทบเป็นเนื้อเดียวกัน นั่นก็คือ โลกแห่งแมคเวิลด์ หรือ โลกแห่งมายาไร้สาระ ที่เป็นความจริงเสมือนที่การสื่อสาร ข้อมูล ความบันเทิง การพาณิชย์ หรือแม้แต่การเมืองได้ผูกเข้าด้วยกันเป็นเรื่องเดียว
ในโลกแห่งมายาไร้สาระอย่างแมคเวิลด์เช่นนี้ บางทีจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่จู่ๆ นายกรัฐมนตรีของประเทศบางประเทศจะลุกขึ้นมาทำตัวเป็น "ดารา" หรือเป็น "พิธีกรเกมโชว์" เสียเอง เพราะตัวเขารู้และตระหนักเป็นอย่างดีว่า ในยุคนี้ มีแต่ผู้ที่สามารถควบคุมข่าวสาร ข้อมูล การสื่อสาร และการบันเทิงเอาไว้ในมือได้เท่านั้น ถึงจะสามารถควบคุม "ชะตากรรม" ของคนในชาติเอาไว้ได้
เพราะ "อำนาจ" ที่แมคเวิลด์ใช้ในการครอบงำผู้คนนั้น มิใช่ "อำนาจแบบแข็ง" (hard power) เหมือนอย่างในอดีต แต่มันเป็น "อำนาจแบบอ่อน" (soft power) ที่ทำให้ผู้คนยินยอมเห็นชอบด้วยในการที่จะถูกครอบงำโดยไม่รู้ตัวเสียก่อน โดยผ่านกระบวนการทำให้เป็นสากลทางวัฒนธรรมของชาติมหาอำนาจผนวกกับการสร้างชุดกฎเกณฑ์ที่ได้รับการเห็นดีเห็นงามในการที่จะควบคุมเชิงสถาบันในพื้นที่ที่เกี่ยวกับกิจกรรมในระดับนานาชาติ
ภายใต้การครอบงำของแมคเวิลด์ เศรษฐกิจ ภาคสินค้า ถูกกำหนดปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์จาก ภาคบริการ ที่พึ่งพาการตลาด การโฆษณาชวนเชื่อ โดยผ่านการยึดครอง ภาคโทรสาระบันเทิง (infotainment telesector) ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การยึดครองความรู้สึกนึกคิด และจิตใจของผู้บริโภค
พัฒนาการของแมคเวิลด์ในช่วงยี่สิบกว่าปีมานี้เอง ที่เป็นตัวการสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้า ระบบทุนนิยมแห่งยุคสมัยใหม่ ให้กลายเป็น ระบบทุนนิยมแห่งยุคหลังสมัยใหม่ อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้
การทำความเข้าใจเรื่องแมคเวิลด์ดังที่สาธยายมาข้างต้นมีความสำคัญมากต่อการทำความเข้าใจ ระบอบทักษิณหรือทักษิณาธิปไตยในปัจจุบัน เพราะ ตัวตนที่แท้จริงของระบอบทักษิณ หรือทักษิณาธิปไตยซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของ ระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง (Democratic Authoritarianism) (ดูรังสรรค์ ธนะพรพันธุ์, "จาก Thaksinomics สู่ทักษิณาธิปไตย",สำนักพิมพ์ Openbooks, 2548) นั้น ที่แท้ก็คือ การจับคู่กันหรือการสังวาสสมสู่กันอย่างอัปลักษณ์ระหว่างแมคเวิลด์กับระบบอำนาจนิยมในบริบทของสังคมไทยนั่นเอง
อาจารย์รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ ได้วิเคราะห์และชี้ให้เห็นอย่างแหลมคมว่า แม้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้ออกแบบมาเพื่อให้สังคมการเมืองไทยพัฒนาไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประสบความสำเร็จในการสถาปนา ระบอบทักษิณาธิปไตย ในชั่วเวลาเพียง 4 ปี โดยผ่านการสร้างยี่ห้อให้แก่เมนูนโยบายเศรษฐกิจในนาม "ทักษิโณมิกส์" ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความภักดีต่อยี่ห้อ (Brand Loyalty) อันเป็นพื้นฐานของการสนับสนุนทางการเมือง
ในประเด็นนี้ ผู้เขียนอยากจะเสริมว่า เทคโนโลยีเชิงอำนาจ ที่พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคไทยรักไทยได้ใช้ในการครอบงำความรู้สึกนึกคิด และจิตใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งในอีกด้านหนึ่งก็เป็น ผู้บริโภคตัวยง ด้วยนั้น เป็น "อำนาจแบบอ่อน" ของแมคเวิลด์ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวก ในอีกโฉมหน้าหนึ่งก็เป็นพวก "ทุนใหม่" ที่เป็น "ทุนหลัก" (dominant capital) ในโลกแห่งแมคเวิลด์นั่นเอง
เพราะฉะนั้น หลังจากที่รัฐบาลไทยรักไทยเข้ามามีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เป้าหมายของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยนี้จะอยู่ที่ การสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง โดยการปลุกเร้าความรู้สึกชาตินิยมเป็นระยะๆ แต่มิได้มีความเป็นชาตินิยมทางเศรษฐกิจเลยแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานกับ การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนบุคคล อย่างขาดหิริโอตตัปปะจนเป็นที่มาของการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการประพฤติมิชอบปรากฏให้เห็นโดยทั่วไป
เพราะนี่คือ ตัวตนแท้ของทักษิณาธิปไตย ที่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างแมคเวิลด์กับอำนาจนิยม ที่ในด้านหนึ่งก็ใช้ เทคนิคทางด้านการตลาดของแมคเวิลด์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้แก่รัฐบาล และตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ดำเนินนโยบายตามใจชอบของผู้นำรัฐบาลอย่าง อำนาจนิยม ที่เต็มไปด้วยอวิชชาและอัตตามิจฉาทิฐิของตัวผู้นำรัฐบาลจนสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยในแทบทุกๆ ด้านดังที่ค่อยๆ เป็นที่ประจักษ์ในเวลาต่อมา
ภายใต้ระบอบทักษิณาธิปไตยนี้ ด้านลบของแมคเวิลด์ กับ ด้านลบของอำนาจนิยม กำลังสร้างปัญหาให้กับประเทศอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้นทุกที และกำลังสร้างความคับแค้น ความไม่สบายใจทางจิตวิญญาณให้แก่ผู้คนที่มีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้นทุกที
ผู้คนที่กำลังคับแค้นใจเหล่านี้ กำลังเริ่มรู้สึกว่า ภายใต้ระบอบทักษิณาธิปไตยนี้ คุณค่าแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทางจิตวิญญาณ และความเคร่งครัดทางศีลธรรม และจริยธรรมกำลังถูกดูหมิ่นดูแคลนอย่างร้ายแรง เพราะขณะนี้ตัวผู้นำเอง ก็ยัดเยียดแต่ความจอมปลอม ปลิ้นปล้อนเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น เริ่มหาสัจจะและความน่าเชื่อถือไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
การจะลดทอนพิษภัยของแมคเวิลด์ และอำนาจนิยมลงได้นั้น คนเราต้องมี จิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมืองที่สูงส่งกว่าจิตสำนึกแห่งการเป็นผู้บริโภค เลิกทำตัวเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ที่ถูกกระทำ เอาแต่บ่นว่าเต็มไปด้วยความเครียดความวิตกกังวล แต่ต้องหันกลับมาทำตัวเป็นผู้เข้าร่วมที่ยืนหยัด เป็นพลเมืองที่เด็ดเดี่ยวในการพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และความเป็นธรรมทางสังคม ทำการผลักดัน แนวทางพหุนิยมทางการเมือง และทางวัฒนธรรม ให้ฝังรากลึกในสังคมนี้ให้จงได้