ความลึกของวิวัฒนาการ กับธรรมจิตในการเคลื่อนไหว 31/8/2547

ความลึกของวิวัฒนาการ กับธรรมจิตในการเคลื่อนไหว 31/8/2547


 

ความลึกของวิวัฒนาการ กับธรรมจิตในการเคลื่อนไหว


เราได้กล่าวไปแล้วว่า กระบวนการวิวัฒนาการของจักรวาฬได้คลี่คลายออกมาในเชิงโครงสร้างแบบโฮลอนที่มีต่ำมีสูงของภูมิต่างๆ ซึ่งทำให้มีทั้งความลึก (depth) และระยะกว้าง (span) เกิดขึ้นในกระบวนการวิวัฒนาการ


ความลึกของวิวัฒนาการ หมายถึง จำนวนระดับชั้นที่ดำรงอยู่ในโครงสร้างแบบโฮลอน (holarchy) ซึ่งหมายความว่า ยิ่งมีจำนวนระดับชั้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความลึกแห่งวิวัฒนาการมากขึ้นเท่านั้น


ส่วนระยะกว้างของวิวัฒนาการ หมายถึง จำนวนของโฮลอนหรือหน่วยองค์รวมในระดับชั้นหนึ่งๆ ในโครงสร้างแบบโฮลอน


ยกตัวอย่างเช่น อะตอมมีความลึกเป็นหนึ่ง โมเลกุลมีความลึกเป็นสอง และเซลล์มีความลึกเป็นสาม หรือลองนึึกถึงบ้านสามชั้นก็ได้ ชั้นแต่ละชั้นของบ้านคือความลึก บ้านสามชั้นจึงมีความลึกเป็นสาม โดยพิจารณาจากจำนวนระดับชั้นของตัวบ้าน


การนิยามเรื่องความลึกกับระยะกว้างของวิวัฒนาการ ก็เพื่อใช้อธิบายหลักการข้อถัดมาในการศึกษาวิวัฒนาการของจักรวาฬที่กล่าวว่า "วิวัฒนาการก่อให้เกิดความลึกที่เพิ่มมากขึ้น แต่ระยะกว้างกลับแคบลง"


เรื่องนี้ก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก จำนวนเซลล์ซึ่งลึกกว่าโมเลกุล แต่มีจำนวนน้อยกว่าโมเลกุล ขณะที่จำนวนโมเลกุลซึ่งลึกกว่าอะตอมก็มีจำนวนน้อยกว่าอะตอม


เพราะโฮลอนที่สูงกว่า "ก้าวข้ามและหลอมรวม" โฮลอนที่ต่ำกว่า จึงทำให้โฮลอนที่สูงกว่ามีจำนวนน้อยกว่า โฮลอนที่ต่ำกว่าเสมอโดยไม่มีข้อยกเว้น


คนทั่วไปมักเข้าใจว่า การพัฒนานั้นยิ่งขยายใหญ่ขึ้น (ระยะกว้างมากขึ้น) ยิ่งดี แต่ความจริงแล้ว การพัฒนานั้นต้องยิ่งลึกขึ้นถึงจะดีต่างหาก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่มีระดับจิตใจที่ยิ่งสูง (ยิ่งลึก) มากเท่าใด ก็มีจำนวนน้อยลง (ระยะกว้างแคบลง) เพียงนั้น


นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า พีระมิดแห่งวิวัฒนาการที่ชีวิตผุดขึ้นมาจากวัตถุธาตุในเงื่อนไขที่เหมาะสม จากนั้นธรรมจิตก็ผุดขึ้นมาจากจิตใจในเงื่อนไขที่เหมาะสมเช่นกัน


ชีวิต จึงมี "ความลึก" กว่า วัตถุธาตุ แต่มี "ระยะกว้าง" (จำนวน) แคบน้อยกว่า


จิตใจ จึงมี "ความลึก" กว่า ชีวิต แต่มี "ระยะกว้าง" แคบน้อยกว่า


ธรรมจิต (Spirit) หรือความเป็นจิตวิญญาณ จึงมี "ความลึก" กว่าจิตใจ แต่มี "ระยะกว้าง" แคบน้อยกว่า


ปุถุชนนั้น ก็มีจิตใจเช่นเดียวกับอริยบุคคล แต่ความเป็นจิตวิญญาณของปุถุชน ยังมิได้ผุดขึ้นมาเหมือนกับอริยบุคคลเท่านั้น


ปุถุชนนั้น ก็มีความรู้สึก เช่นเดียวกับสัตว์เดียรัจฉาน แต่ในสัตว์เดียรัจฉาน จิตใจยังมิได้ผุดขึ้นมาเหมือนกับปุถุชน


คนที่มีจิตใจสูงส่ง หรือมีระดับความลึกมากในวิวัฒนาการของจิต จึงมักกลายเป็น สิ่งแปลกแยก เสมอในสายตาของปุถุชนที่มีความลึกน้อยกว่า จึงมีระยะกว้างหรือจำนวนมากกว่าโครงสร้างระดับชั้นเชิงโฮลอนของจักรวาฬ จึงประกอบด้วย


ระดับที่หนึ่ง คือ วัตถุธาตุ โดยองค์ความรู้ที่ศึกษาเรื่องวัตถุธาตุนี้คือ วิชาฟิสิกส์


ระดับที่สอง คือ ชีวิต โดยองค์ความรู้ที่ศึกษาเรื่องชีวิตคือ วิชาชีววิทยา


ระดับที่สาม คือ จิตใจ (mind) โดยองค์ความรู้ที่ศึกษาเรื่องจิตใจคือ วิชาจิตวิทยา


ระดับที่สี่ คือ วิญญาณ (soul) โดยองค์ความรู้ที่ศึกษาเรื่องวิญญาณคือ เทววิทยา (theology)


ระดับที่ห้า (ระดับสุดท้าย) คือ ธรรมจิต (spirit) โดยองค์ความรู้ที่ศึกษาและปฏิบัติ เรื่องธรรมจิตคือ รหัสนัยลัทธิ (mysticism) ซึ่งเป็นประสบการณ์โดยตรงที่รู้ได้เฉพาะตนเอง (จึงเร้นลับไม่เปิดเผย) เท่านั้น


ถ้าเข้าใจเรื่องความลึกของวิวัฒนาการของจักรวาฬ (Kosmos) ที่มีระดับชั้นดังข้างต้น ก็จะตระหนักได้ดีว่า ความพยายามของวิชาฟิสิกส์ที่จะพิสูจน์ความจริงของจักรวาลโดยตรง จะไม่มีวันสมบูรณ์ได้เป็นอันขาด (อย่างหนังสือเรื่อง "เต๋าแห่งฟิสิกส์" ของ ฟริตจอฟ แคปรา) เพราะวิชาฟิสิกส์ศึกษาได้แค่ จักรวาล (cosmos) ทางกายภาพเท่านั้น ซึ่งเป็นแค่ระดับชั้นที่หนึ่งของจักรวาฬ (Kosmos) ฉะนั้น หากผู้ใดต้องการจะพิสูจน์เข้าถึงความจริงของจักรวาฬโดยสมบูรณ์ ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาเรียนรู้อย่างบูรณาการในทุกๆ ระดับ ทุกๆ มิติของจักรวาฬนี้ กล่าวคือ ต้องมีความลึกในวิวัฒนาการของตัวผู้นั้นด้วยถึงจะทำได้สำเร็จ และมีแต่การปฏิบัติธรรม (spiritual practice) เท่านั้นที่จะทำให้เกิดความลึกในวิวัฒนาการของผู้นั้น โดยเฉพาะตั้งแต่ระดับขั้นที่สี่ขึ้นไปได้


ความลึกในวิวัฒนาการของจิตของคนเรานั้น สุดท้ายแล้วย่อมนำไปสู่ระดับจิตแห่งธรรมจิต (Spirit) หรือระดับจิตแห่งจักรวาฬ (Kosmic Consciousness) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดแห่งวิวัฒนาการของจักรวาฬด้วย


แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ควรตระหนักให้ได้ว่า ไม่ว่าเราจะยังอยู่ในระดับชั้นไหนก็ตามในขั้นตอนวิวัฒนาการของจักรวาฬ ไม่มีขั้นไหน ระดับไหนเลยที่มิได้ไม่เป็นตัวธรรมจิต (Spirit) เอง ไม่มีสิ่งไหนเลยในจักรวาฬนี้ ไม่ว่าวัตถุธาตุ ชีวิต จิตใจ ทั้งหลายทั้งปวงที่มิใช่การเผยตัวออกมาของตัวธรรมจิตนั้นเอง! กล่าวในความหมายนี้ กระบวนการวิวัฒนาการของจักรวาฬ จึงเป็นธรรมจิตในความเคลื่อนไหว (Spirit-in-Action) ด้วยในเวลาเดียวกัน


เนื่องจากแต่ละระดับชั้นของจักรวาฬ ล้วนแล้วแต่ "ก้าวข้าม" และ "หลอมรวม" ระดับชั้นก่อนหน้านั้นเสมอ ขณะที่ธรรมจิต "ก้าวข้าม" ระดับชั้นทั้งหมด เพราะฉะนั้นธรรมจิตจึง "หลอมรวม" ระดับชั้นทั้งหมดด้วย


ธรรมจิต จึงเป็นสิ่งที่เหนือโลกนี้อย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกัน ธรรมจิตก็โอบอุ้มครอบคลุมทุกๆ โฮลอน หรือทุกๆ หน่วยองค์รวมในโลกนี้อย่างสิ้นเชิงเช่นเดียวกันด้วย


ธรรมจิต ชำแรกแทรกซึมไปในทุกๆ สรรพสิ่งที่ปรากฏออกมาเป็นรูปลักษณ์ในโลกใบนี้ แต่ ธรรมจิตมิได้เป็นแค่สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏออกมาให้เห็นเท่านั้น ธรรมจิตยังเป็นสิ่งที่ "ดำรงอยู่เสมอ" ในทุกๆ ระดับชั้นหรือทุกๆ มิติของจักรวาฬ โดยที่มิได้จำกัดตัวเองแค่ระดับชั้นใดระดับชั้นหนึ่ง หรือแค่มิติใดมิติหนึ่งของจักรวาฬ


ธรรมจิต "ข้ามพ้น" ทั้งหมด "ครอบคลุม" ทั้งหมด ในฐานะที่ตัวมันเองเป็น สุญตาของสิ่งที่ปรากฏเป็นรูปลักษณ์ทั้งปวง


เพราะฉะนั้น ธรรมจิตจึงเป็นทั้งระดับชั้นขั้นสูงสุดในโครงสร้างแบบโฮลอนของจักรวาฬ และก็เป็นตัวแผ่นกระดาษที่โครงสร้างแบบโฮลอนทั้งหมดได้ถูกวาดถูกเขียนลงไป


ถ้าเปรียบกับบันได ธรรมจิตก็เป็นทั้งขั้นบันไดขั้นสูงสุด และก็เป็นตัวไม้ที่ประกอบขึ้นเป็นตัวบันไดทั้งหมด ธรรมจิตจึงเป็นทั้งเป้าหมาย และพื้นฐานของวิวัฒนาการของจักรวาฬในเวลาเดียวกัน


กล่าวในความหมายนี้ คนเราจึงทั้งเท่าเทียมกัน และไม่เท่าเทียมกัน คนเราล้วนเท่าเทียมกันในความหมายที่ว่า คนเราและสรรพสิ่งต่างๆ ทั้งปวงล้วนต่างก็เป็นการเผยตัวปรากฏออกมาของธรรมจิตเหมือนๆ กัน แต่คนเราก็ไม่เท่าเทียมกันในความหมายที่ว่า ปัจเจกบุคคลที่สามารถพัฒนายกระดับจิตสำนึกของตนจนสูงส่งเทียบเท่าธรรมจิตที่ครอบคลุมจักรวาฬเอาไว้ได้หมดสิ้นที่ข้ามพ้นทุกอย่าง หลอมรวมทุกอย่างได้นั้นมีจำนวนที่น้อยคนมากเมื่อเทียบกับจำนวนของผู้คนทั้งหมดบนโลกนี้


จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่า วิวัฒนาการของจักรวาฬก็มีทิศทางของมัน คือมีแรงผลักดันที่มุ่งไปสู่ความลึกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ความเชื่อเรื่องวิวัฒนาการเป็นสิ่งบังเอิญ จึงเป็นอวิชชาของคนผู้นั้นโดยแท้ วิวัฒนาการของจักรวาฬที่มีทิศทางของมันนี้จึงมีความหมายอันเป็นคุณค่าภายในของตัวจักรวาฬให้ผู้ที่รับรู้ได้ตระหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการเผยตัวออกมาอย่างไม่หยุดยั้งของตัวจักรวาฬเอง


ทิศทางกว้างๆ ของวิวัฒนาการที่มุ่งสู่ความลึกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ความซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ความหลากหลาย/บูรณาการยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยมิได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะเกิดการถดถอย หรือการสะดุดในช่วงสั้นๆ นี้แหละ ที่แสดงให้เห็นถึงพลังขับเคลื่อนที่ต้องการก้าวข้ามตนเองของจักรวาฬ (the self-transcending drive of the kosmos) ที่มุ่งก้าวข้ามสิ่งที่ได้ผ่านพ้นมาแล้ว โดยหลอมรวมสิ่งที่ได้ผ่านพ้นมาแล้วและทวีความลึกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ


ยิ่งโฮลอนมีความลึกมากขึ้นเท่าใด ระดับจิตสำนึกของโฮลอนนั้น ก็ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้นเพียงนั้น!


จิตสำนึก กับ ความลึก จึงกลายเป็นคำเดียวกัน ยิ่งวิวัฒนาการของจักรวาฬเผยให้เห็นถึงขอบเขตของจิต (consciousness) มากเท่าใด จิตที่เผยตัวเองออกมามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งมีความตระหนักรู้ในความจริงของตัวมันเองมากยิ่งขึ้นเพียงนั้น


ธรรมจิตกับจิตสำนึกและความลึกของวิวัฒนาการ จึงกลายเป็นคำหลายคำที่พูดถึงเรื่องเดียวกัน


ความลึกของโฮลอนดำรงอยู่ในทุกแห่ง จิตจึงอยู่ในทุกแห่ง เพราะจิตเป็นเพียงสิ่งที่มองความลึกจากด้านในเท่านั้น ธรรมจิตจึงดำรงอยู่ในทุกแห่งเช่นกัน


ยิ่งความลึกทวีขึ้นในวิวัฒนาการ จิตก็จะยิ่งตื่นยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับที่ธรรมจิตก็ได้เผยตัวออกมามากยิ่งขึ้น ความลึกที่เพิ่มขึ้นของจิต ทำให้จิตพัฒนาจากจิตใต้สำนึก (subconsciousness) ไปสู่จิตสำนึก (self-conscious) และจะมุ่งไปสู่อภิจิต (superconscious) บนเส้นทางแห่งวิวัฒนาการของจักรวาฬอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


จิตสำนึกแห่งจักรวาฬหรืออภิจิต หรือความรู้แจ้ง จึงมิใช่สิ่งใดอื่นนอกไปจากเป็นการตื่นขึ้นของธรรมจิตที่ตระหนักรู้อย่างกระจ่างแจ้งในธรรมชาติที่แท้จริงของตัวมันเองเท่านั้น









Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้