เรื่องราวที่ผมจะนำมาถ่ายทอดต่อไปนี้ คือเสี้ยวหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชาย คนหนึ่งผู้ที่มีชื่อว่า “สันติชาติ อโศกาลัย” อันเป็นตัวละครเอกในงานเขียนของผมเรื่อง “ความรักกับจอมยุทธ์” (พ.ศ.2535) ตัวละครที่ผมจินตนาการสร้าง ขึ้นมาตัวนี้มี ลักษณะเด่นอยู่บางประการคือ 1. ผมตั้งชื่อเขาว่า “สันติชาติ” แต่ชีวิตในวัยหนุ่มของเขาไม ่เคยพบกับสันติสุขที่แท้จริ ง ความทุกข์โศกในชีวิตของเขาล ้วนโยงใยอยู่กับการพลัดพราก สูญเสีย ผู้คนอันเป็นที่รักยิ่งของเ ขา เริ่มตั้งแต่การจากไปของบิด าเมื่อครั้งวัยเยาว์ การเสียชีวิตของพี่ชายในเหต ุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 (ค.ศ.1976) ตลอดจนพลัด พรากหรือสูญเสียหญิงสาวทุกคนที่เขาได้ใกล้ชิดผูกพันด้วย...
ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “ESOTERIC JOURNEY” (1937) ของ THEODORE ILLION นักผจญภัยชาวเยอรมันซึ่งเป็นต้นแบบให้สปีลเบอร์กนำไปสร้างเป็น อินเดียน่า โจนส์ ในเวลาต่อมา หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมเล่มบันทึกการผจญภัยในทิเบตของเขาในทศวรรษที่ 1930 จำนวนสองชิ้นด้วยกันชื่อ “IN SECRET TIBET” กับ “DARKNESS OVER TIBET”
มิลาเรปะ (พ.ศ1583-1666) เป็นกวีและนักบวชที่สูงส่ง เป็นที่รู้จักและเคารพนับถือกันทั่วไปในธิเบตและแถบเทือกเขาหิมาลัย ชีวประวัติของมิลาเรปะก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว บิดาของมิลาเรปะสืบเชื้อสายมาจากวงศ์ตระกูลของคนเลี้ยงสัตว์ ท่านเป็นพ่อค้าที่มีฐานะมั่งคั่งเลยทีเดียว เมื่อมิลาเรปะอายุได้ 7 ขวบ บิดาของเขาถูกโรคร้ายคุกคาม ท่านรู้ตัวว่าคงจะไม่รอดแน่จึงตกลงใจมอบครอบครัวและทรัพย์ศฤงคารของท่านทั้งหมดให้ญาติของท่าน โดยเฉพาะลุงและป้าของมิลาเรปะเป็นผู้ดูแล โดยคาดหวังว่าเมื่อมิลาเรปะโตขึ้นเป็นหนุ่มเขาจะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของท่านในภายหลัง
ผม (สุวินัย) ได้ยินชื่อของศรีอรพินโธและได้หนังสือที่เขาแต่งในระหว่างที่ผมมาหาท่านไสบาบาที่อินเดียในเดือนกรกฎาคมพ.ศ.2540 หลังจากกลับมาเมืองไทย ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตและวิถีของศรีอรพินโธก็หลั่งไหลเข้ามาหาตัวผม จนผมต้องเริ่มศึกษาเรื่องราวของเขาอย่างจริงจัง... และเพียงแค่ผมได้ศึกษาชีวิตและวิถีของศรีอรพินโธเท่านั้น หัวใจผมก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อได้รับรู้ว่าชีวิตและวิถีของผมในขณะนี้ กำลังเจริญรอยตามชีวิตและวิถีของศรีอรพินโธโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าผมจะไม่อาจเทียบท่านได้เลยในขอบเขตขนาดความยิ่งใหญ่ที่ท่านได้กระทำลงไป
ในสมัยที่ คาร์ลอส คาสตาเนด้า กำลังศึกษาศาสตร์เร้นลับจากอาจารย์ชาวอินเดียนแดงของเขาที่ชื่อ ดอนฮวน ในปี ค.ศ.1960 อยู่นั้น มีประสบการณ์หลายอย่างที่น่าสนใจมาก จากบทสนทนาระหว่างครูกับศิษย์ในโอกาสต่างๆ "คนทั่วๆ ไป เกือบจะไม่ทราบเอาเลยว่า เขาอาจจะเลิกละสิ่งหนึ่ง สิ่งใดในชีวิตขณะใดก็ได้ เหมือนอย่างที่ผมเคยดื่มของมึนเมาสมัยเมื่อผมยังหนุ่ม แต่แล้ววันหนึ่งผมก็เลิกมันเฉยๆ" ดอนฮวนบอก "อาจารย์คิดว่า คนเราจะหยุดดื่มเหล้าหรือเลิกสูบบุหรี่ได้ง่ายๆ อย่างงั้นหรือครับ" คาร์ลอสถามด้วยความสงสัย "แน่นอน การดื่มเหล้าหรือการสูบบุหรี่ไม่มีความหมายอะไรเลย ไม่มีความหมายจริงๆ ถ้าหากเราคิดจะเลิกมัน"
ท่านติชนัทฮันห์อาจารย์เซนชื่อดังแห่งยุคนี้ได้เคยกล่าวว่า เราทุกคนล้วนเป็นดอกไม้ พวกเราทุกคนทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่ล้วนเป็นดอกไม้ที่สวยงาม เปลือกตาของเราคือกลีบดอกไม้ โดยเฉพาะในยามที่เราหลับตา หูของเราเป็นดั่งรัศมีในยามเช้าซึ่งกำลังสดับฟังเสียงนกร้อง ริมฝีปากของเราก็จีบเป็นดอกไม้ ทุกครั้งที่เรายิ้มแย้มมือของเราทั้ง 2 ข้างก็คือดอกบัวที่มีกลีบ 5 กลีบ การที่คนเราทำสมาธิภาวนานั้นก็เพื่อที่จะรักษาความเป็นดอกไม้ของเราให้มีชีวิตชีวาและปรากฏออกมาเพื่อประโยชน์ของตัวเราเองและเพื่อความสุขของคนทุกคนที่เราคบหาด้วยนั่นเอง
"มนุษย์ที่แท้ในสมัยโบราณ ย่อมไม่กลัวเมื่อยึดถือทัศนะหนึ่งใดอยู่เดียวดาย ไม่เอาเปรียบใคร ไม่เจ้าเล่ห์วางแผนการใดๆ ถึงล้มเหลวก็ไม่เสียใจ เมื่อสำเร็จก็ไม่หลงตน
"ชีวิตคือการทำจิตใจให้สดใส ชีวิตคือสิ่งที่เราเรียกว่าศาสนาชีวิตคือความละเอียดอ่อนที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตใจ การศึกษาจะไม่มีความหมายเลย หากมันไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ซึ่งมีทั้งความละเอียดอ่อน ความสวยงาม ความโศกซึ้ง ความปีติ" K กล่าวกับเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่ดั้นด้นมาขอภูมิปัญญาตะวันออกจากเขาผู้เป็นปราชญ์แห่งยุคที่ชาวโลกยอมรับ