แม้จะไม่เป็นที่รู้จักมักคุ้นเท่าใดนัก แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยในบ้านเราคงเคยผ่านสายตาและสัมผัสบางส่วนของมรดกทางปัญญาตะวันออกมาแล้ว จากสื่อวรรณกรรมจีนกำลังภายใจและภาพยนตร์จีน ทั้งในด้านวิชากำลังภายในพลังอันมหัศจรรย์ของลมปราณ ลีลาและกระบวนท่าอันสลับซับซ้อนของมวยจีนแต่ละสำนัก รวมถึงการผาดโผนอย่างมีลวดลายและชั้นเชิงอยู่ในยุทธภพของเหล่าจอมยุทธ์ผู้มีหลักคุณธรรมประจำใจ…………..
เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องราวที่มีมนตร์เสน่ห์ชวนติดตามอย่างชนิดที่ไม่เคยอ่อนล้าเป็นตำนานย้อนยุคที่มีชีวิตชีวาสำหรับผู้คนในโลกแห่งความจริงร่วมสมัยโลกแห่งความเจริญทางวัตถุ ที่เน้นระบบคิดแบบเหตุผลอันตายตัว ซึ่งกำลังเดินหน้าไปสู่ความไร้สาระและหายนภัยและความเจ็บปวดที่สืบเนื่องจากผลพวงเหล่านั้น ได้ทำให้มนุษย์อีกจำนวนไม่น้อยเริ่มรู้สึกโหยหาถึงความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณมากขึ้นทุกที
ขณะที่สังคมไทยกำลังก้าวตามซากความเจริญทางวัตถุที่มีตัวอย่างของความลัมเหลวนั้นอย่างไม่ยั้งคิด นักปราชญ์ตะวันตกในสายทวนกระแส กลับเล็งเห็นในคุณค่าของปรัชญาตะวันออก ความสำคัญของจิตเหนือวัตถุหลังโลกส่อนัยวิกฤตเด่นชัดเมื่อก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ในทศวรรษ 1960 วิธีคิดแบบเส้นตรงที่แข็งกระด้างซึ่งเคยทรงอิทธิพลอย่างไพศาลต่อวงการวิทยาศาสตร์นับจากยุคของ " นิวตัน " เริ่มตีบตันและประกายของแนวคิดใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ ทั้งการเกิดขึ้นของทฤษฏีควอนตัมฟิสิกส์ ทฤษฏีไร้ระเบียบ หรือขบวนมุ่งสู่ภูมิปัญญาตะวันออก………….ฯลฯ
ท่ามกลางสรรพความรู้ทั้งหลายในโลก มนุษย์ในแต่ละยุคไม่เคยหยุดนิ่งที่จะแสวงหา
" ปัญญา " เพื่อความเข้าใจในตนเอง เข้าใจโลกและธรรมชาติกรณีของสังคมไทยในขณะนี้ มีนักคิดอย่าง สุวินัย ภรณวลัย เป็นอีกบุคคลหนึ่งในบรรดานักคิดมากหน้าหลายตาจากแต่ละสาขาที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ดังพิสูจน์ได้จากผลงานข้อเขียนของเขาซึ่งนำเสนอแนวคิดที่แปลกใหม่ ท้าทาย และปลุกเร้าให้เกิดความตื่นตัวทางปัญญาขึ้นในอีกมิติหนึ่ง ดังเช่นล่าสุดจากข้อเขียนเรื่อง " มังกรจักรวาล " ของเขาทีทยอยตีพิมพ์ใน " จุดประกาย " จนจบ
โดยภาพลักษณ์ของบุคคลภายนอก "สุวินัย ภรณวลัย" อาจจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างสุดขั้วอยู่ในตัวเองในยุคสงครามเย็น เขาเคยเป็นอดีต มาร์กซิสต์ ผู้ศึกษาแนวทางสังคมนิยมอย่างแตกฉาน ในปัจจุบันเป็นนักวิชาการสายเศรษฐศาสตร์ดีกรีด๊อกเตอร์ที่เชี่ยวชาญในแขนงวิชาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศและญี่ปุ่นศึกษาเป็นพิเศษ แต่ในอีกด้านหนึ่งสุวินัยยังสนใจในเรื่องของอภิปรัชญาและศาสตร์อันลึกล้ำทางตะวันออก เขาเป็นผู้ประกาศตนยืนยันในวิถีสู่บูรพา เพื่อยกระดับมนุษย์จาก " โฮโม-เซเปียน " ขึ้นเป็น " โฮโม-เอ็กเซลเลนซ์ "
นอกเหนือจากกิจกรรมทางวิชาการ ที่ปรากฏในรูปของบททดลองเสนอและวิวาทะต่าง ๆ
แล้ว จุดน่าสนใจสำหรับผู้คนที่รู้จักเขาผ่านข้อเขียนก็คือ สุวินัย เป็นผู้ก่อตั้งค่ายมวย " เซบุคัง " ที่มุ่งถ่ายทอดวิชาสู่การเป็นผู้นำ ที่เข้าถึงภาวะอันสมดุลระหว่างหยิน-หยาง และสมองซีกซ้าย-ขวา หรือที่สรุปความว่าเป็นลักษณะของ " โฮโม-เอ็กเซลเลนซ์ " หลังจากที่เขาได้ศึกษาวิชามวยจีนอย่างถึงแก่นมาเป็นเวลานับสิบ ๆ ปี จนได้รับใบอนุญาตจากอาจารย์ผู้ถ่ายทอด
ด้วยเหตุนี้ หากเราจะอนุมานว่าเขาเป็น จอมยุทธยุคโลกานุวัตน์ ก็คงไม่ผิดความหมายสักเท่าใดนัก !!
ผลกระทบจากข้อเขียนมังกรจักรวาลและความรู้ใหม่
จากข้อเขียนเรื่อง " มังกรจักรวาล " ทำให้สุวินัย ได้รับการติดต่อจากผู้สนใจทั่วไป และผู้ทำงานในเครือข่ายทางด้านจิตวิญญาณมากมายทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ซึ่งจุดนี้ได้เปิดภาพให้เขาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม อันจะส่งผลต่อความสมบูรณ์ใน " องค์ความรู้ " ของหลักสูตรสำหรับค่ายมวย " เซบุคัง " ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ซึ่งปรากฏว่ามีบุคคลระดับอาจารย์เสนอตัวมาถ่ายทอดวิชาอย่างน้อย ๆ ในเวลานี้ 4 รายด้วยกันคือ
อาจารย์สำเริง โลกานุวัตน์ ที่จะถ่ายทอดวิชาเพ่งจักรแก้ว กวน ตาเมลา ชาวเปรู เป็นมาสเตอร์ของสายอินคาในด้านวิชาพลังพระอาทิตย์ สายมโนมยัทธิ ที่คล้ายสายวัชรญาณ และราชาโยคะ ที่เชิญไปฝึกโยคะที่อินเดีย
"ตอนนี้ภายในปีเดียว ผมสามารถสร้างเน็ทเวิร์คที่เป็น Global ได้แล้วล่าสุดก็มีศูนย์ราชาโยคะ เชิญผมไปที่อังกฤษและอินเดีย ผมจะไปอินเดีย ไปที่มหาวิทยาลัยบราห์มา กุมารี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยทางจิตแห่งโลก คือผมจะไปเจอคนที่สนใจทางจิตจากทั่วโลก ตอนนี้ผมก็สนใจทางด้านโยคะ หลังจากที่หัดสายเต๋ามา ก็อยากเอาสองสายนี้มาเชื่อมกัน เพราะคำว่าอินโดจีน ก็บอกอยู่แล้ว " อินเดีย " กับ " จีน " และคิดว่าตนเองภูมิใจมากที่เกิดในเมืองไทย เพราะเป็นที่ ๆ 2 อารยธรรมมาหลอมรวมกัน คือมันยิ่งใหญ่พอกัน
คนที่สนใจอารยะธรรมจีนและไม่สนใจอินเดีย คือคนที่คิดผิด มันหยินกับหยางเลย เกิดเป็นคนไทยแล้ว ควรเอาให้ถึงที่สุดทั้งสองอย่าง อย่างคนที่ศึกษาทางพุทธ อย่างเถรวาท ผมก็แนะนำให้ศึกษาวิชาเต๋าของจีน เพราะว่าจะได้พลังชีวิต ได้พลังจักรวาล และได้ปราณ และได้ชีวิตที่อายุยืน คุณจะมีความสุขทางโลกก็ได้ทางธรรมก็ได้ ส่วนทางอินเดียก็มุ่งความสำเร็จทางจิตสายอภิญญา เป็นหลัก แล้วบางทีอาจจะละเลยความสำเร็จทางโลก ดังนั้น เมื่อได้เต๋า ไท้เก้กนี้ ก็คิดว่าคือความลงตัว มันมี balance
พูดง่าย ๆ หัดวิชาไปโดยปฏิเสธ " กาย " ผมว่าผิด เหมือนกับจิตล้วน ๆ คุณมีพลังเชื้อเพลิง แต่รถคุณปุโรทั่งไปไม่ถึงจุดหมายเด็ดขาดเลย แต่รถคุณดี คุณไม่สนใจเรื่องจิต คุณก็เหมือนพวกเล่นกล้าม มันป่าเถื่อน
พอถึงขั้นหนึ่ง ถ้าเราแบ่งชีวิตร่างกายเป็นหลายชั้นแล้ว วิชาอย่างทางลมปราณกำลังภายใน ที่คนไทยสนใจกันนี่เพิ่งขั้นที่สองเอง มันไม่สุดยอด คือมันยังไม่เข้าถึงเรื่องกายทิพย์ มันยังไม่ถึงอาตมัน เรื่องจิตวิญญาณลึก ๆ อันนี้ต้องเข้าถึงโยคะ คืออย่างสายเต๋า ถ้าเป็นวิชาเซียนมันจะเริ่มใกล้แล้ว แต่ปกติคนไทยหัดอย่างมากก็แค่ซี่กง แล้วก็เป็นซี่กงกายบริหารเสียด้วย ถ้าคุณดูหัดซี่กงอย่างผมจะรู้เลย ผับ ๆ ออกมา เหงื่อโทรมร่างกายเป็นชั่วโมง คืออย่างที่เขาบอกว่าตอนนี้มีวิชาเรียน 7 วัน หัดได้ อาจจะมีประโยชน์ก็จริง ยุคสมัยนี้อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่มันไม่ได้วิริยะบารมี ไม่ได้ขันติบารมี"
สุวินัย เห็นว่าการฝึกฝนที่ถูกต้องครบเครื่องสมบูรณ์เท่านั้น จึงจะสร้าง " บารมีที่แท้จริง " ให้เกิดขึ้นอันประกอบด้วย ทานบารมี ศีลบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สมาธิบารมี และปัญญาบารมี
"อย่างกรณีพระพุทธเจ้าก็ต้องมี 6 ปี สำหรับการบำเพ็ญ จะบอกว่าท่านสายกลางอย่างเดียว วิปัสสนาอย่างเดียว ผมว่าเป็นไปไม่ได้ เรามาดู Process แล้วนะ เพราะว่าความเชื่อของผมเนี่ย อุปสรรคหรือความทุกข์ยากที่มนุษย์ต้องเผชิญ มันเป็นเป้าหมายของการเรียนรู้ คนเราจะเรียนรู้ได้จากอุปสรรค เพราะฉะนั้น วิชาทางตะวันออกไม่ควรจะเป็นวิชาง่าย ๆ แบบ Fast Food เพียงแต่สมัยนี้อาจจะต้องมีการปรับปรุงเสียบ้าง เพราะโอกาสจะเจอกันได้ยากก็แล้วแต่จะตั้งเป้าหมายกับชีวิตเอาไว้…….."
ระดับของการฝึกฝนมวยจีนเพื่อชีวิตที่ดีกว่าจึงมีระดับที่แตกต่างกันไปตามแต่ผู้ฝึกฝนจะตั้งเข็มว่าตนจะไปถึงในขั้นใด มีความมุมานะพยายามเพียงใด แต่ทั้งหมดนั้นคือวิถีแห่ง " โฮโม-เอ็กเซลเลนซ์ " ที่ "สุวินัย ภรณวลัย" ผู้ก่อตั้งสำนักมวย "เซบุคัง" ส่องประกายให้เป็นทางเลือกต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ในโลกที่ค่านิยมทางวัตถุดูเหมือนจะครอบงำคุณค่าทางจิตใจไปเสียจนหมดสิ้นในเวลานี้