โพธิสัตตบูรณา:เทียนแห่งธรรมกับการบูรณาภูมิปัญญาเพื่อการกู้โลก (ตอนที่ 34)
34. จอมคนเทียนแห่งธรรม (ต่อ)
พระโพธิสัตว์กวนอิมผู้มีพันมือ พระองค์ได้ใช้มือจำนวนมากเหล่านี้ของพระองค์ในการช่วยเหลือสรรพสัตว์อย่างไรหรือ?
พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือพระอวโลกิเตศวรคือ ผู้ที่ดูและฟังความทุกข์ยากของสรรพสัตว์ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา เนื่องจากพระองค์มีพระหัตถ์ถึงพันกรหรือพันมือ ซึ่งมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ว่า พระองค์มี มือจำนวนนับไม่ถ้วน สำหรับยื่นออกไปช่วยเหลือผู้ที่ภาวนาขอความช่วยเหลือจากพระองค์ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ได้เสมอ
แต่วิธีที่ยื่นมือออกไปช่วยเหลือของพระองค์นั้นเป็นเช่นไรกันแน่ บทบาทในการใช้พระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมนั้น เป็นอย่างไรหนอ?
ก่อนอื่น ผู้นั้นพึงน้อมจิตเข้าหาพระโพธิสัตว์กวนอิมเสียก่อน น้อมจิตเข้ามาด้วยความนอบน้อม ด้วยความศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจ อย่างมอบตัวตนถวายให้ เมื่อผู้นั้นมีจิตที่บริสุทธิ์ได้อย่างนี้แล้ว พระโพธิสัตว์กวนอิมจำนวนนับไม่ถ้วน ก็จะเป็นฝ่ายน้อมจิตเข้าหาผู้นั้นในรูปของ “พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์” ด้วยเช่นกัน
จิตที่คิดจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นเงื่อนไขสำคัญประการแรกสุด ในการที่จะทำให้พระโพธิสัตว์กวนอิมจำนวนนับไม่ถ้วน น้อมจิต เข้าหาผู้นั้น โดยแผ่ซ่าน พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ เข้ามาซึมสิงอยู่ในตัวผู้นั้น ในขณะที่ผู้นั้นกำลังเจริญภาวนา สมาธิพระโพธิสัตว์ อยู่
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า พันกรของพระโพธิสัตว์กวนอิมมิได้มีแค่พันกร แต่คือ มือที่หยิบยื่นออกมาช่วยสรรพสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนของพระโพธิสัตว์กวนอิม กล่าวคือ ผู้นั้นต้อง ทำลาย วิธีคิดที่มองอะไรอย่างแข็งทื่อตายตัวอย่างเป็นกลไกออกไปเสียก่อน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะขบ ปริศนาธรรม เกี่ยวกับเรื่องพันกรของพระโพธิสัตว์กวนอิมได้
เพราะถ้าสามารถทำลายวิธีคิดที่แข็งทื่อ ตายตัว แยกส่วน และเป็นกลไกแบบนี้ได้แล้ว ผู้นั้นก็จะเริ่มตาสว่าง เริ่มเข้าใจได้เองว่า พระโพธิสัตว์กวนอิมมิได้เป็นแค่รูปบูชาที่เป็นรูปปั้น รูปวาดหรือรูปแกะสลักเท่านั้น แต่พระองค์คือ จิตศักดิ์สิทธิ์ที่ดำรงอยู่ในโลกที่ไม่อาจประมาณจำนวนได้ ด้วยเหตุนี้เอง พระโพธิสัตว์กวนอิมที่มีมืออย่างมากก็แค่พันมือในสายตาของปุถุชน ในความเป็นจริงจึงมีมือที่ไม่จำกัดจำนวน หรือมีมือจำนวนนับไม่ถ้วน เพราะ “มือ” ของพระองค์ ความจริงก็คือ พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ดำรงอยู่ในโลกแห่งพลังงานอนันต์ อันไม่อาจประเมินจำนวนได้ ซึ่งมิใช่โลกหยาบๆ ที่เห็นได้ด้วยตาเนื้ออย่างโลกวัตถุอันเป็นโลกที่ยังสามารถนับประมาณจำนวนได้
นอกจากนี้แล้ว ผู้นั้นจะต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อไปอีกว่า ตัวของพระโพธิสัตว์กวนอิมทั้งพระองค์ อันเป็นพระวรกายที่แผ่ไปทั่วทั้งมหาสากลจักรวาฬดุจ ธรรมกาย นั้น ก็คือ พระหัตถ์ของกวนอิมนั่นเอง หรือ มือของพระโพธิสัตว์กวนอิม ก็คือ ธรรมกายของพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ดำรงอยู่ไปทั่วทั้งมหาสากลจักรวาฬ
การมีปัญญาที่สามารถทำความเข้าใจได้ว่า กายของกวนอิม ก็คือ มือของกวนอิม และมือของกวนอิมก็คือ กายของกวนอิม นั้น คนผู้นั้นจะต้องมีระดับสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจ ตรรกะแบบวิภาษวิธี (dialectic) ที่ปรากฏออกมาให้เห็นเสมอ ในคำสอนของมหายาน เช่น “รูปก็คือ ความว่าง และความว่างก็คือรูป” ให้ได้อย่างถ่องแท้เสียก่อน
การศึกษาพุทธธรรมตามแนวทางโพธิสัตว์ จึงเป็นการศึกษาที่ต้องศึกษาด้วยสายตาจาก โลกแห่งพลังงานอนันต์ (พลังบุญ) อันเป็นโลกที่ไม่อาจประมาณจำนวนได้เสมอ เพราะสรรพสัตว์ที่เป็นเป้าช่วยเหลือของพระโพธิสัตว์กวนอิม มีจำนวนและประเภทที่มากมายสุดที่จะประมาณได้ ด้วยเหตุนี้ พระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิม จึงไม่ควรถูกจำกัดในเรื่องของปริมาณจำนวน และประเภท นอกจากนี้ การช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่แท้จริงนั้น คือ การทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายสามารถเป็นอิสระจากโลกแห่งมายานี้ได้ด้วยตัวของตัวเอง ด้วยการตื่นขึ้นทางจิตวิญญาณของผู้นั้นด้วยตัวของผู้นั้นเอง
เพราะฉะนั้น ปริศนาธรรมที่ว่า พระโพธิสัตว์กวนอิมใช้มือพันมือของพระองค์ในการช่วยเหลือสรรพสัตว์อย่างไรนั้น จึงเป็นปริศนาธรรมที่ตัวปริศนาเองก็เป็นคำตอบอยู่ในตัว มิหนำซ้ำ ตัวปริศนาธรรมข้อนี้ ก็คือ พระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมโดยตัวของมันเองด้วย
ทั้งนี้ก็เพราะว่า ปริศนาธรรมที่คนผู้นั้นเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันแล้ววันเล่าอย่างต่อเนื่องยาวนาน เฝ้าครุ่นคิด ค้นหาคำเฉลยของปริศนาธรรมนั้นอย่างจดจ่อมุ่งมั่นต่อเนื่องยาวนาน ในที่สุด โดยไม่คาดฝัน ตัวปริศนาธรรมนั้นก็กลับกลายมาเป็นตัวคำตอบ หรือคำเฉลยที่เปิดเผยเนื้อหา หรือโฉมหน้าที่แท้จริงของปริศนาธรรมนั้น ในห้วงยามที่เหมาะสม แบบผุดวาบขึ้นในใจของผู้นั้นแบบชั่วพริบตาเดียว แล้วจิตของผู้นั้นก็บังเกิดความกระจ่างชนิดหมดความสงสัยอย่างสิ้นเชิงต่อปริศนาธรรมข้อนั้น จากเดิมที่ปริศนาธรรมคือสิ่งที่ผู้นั้นไม่รู้ กลายเป็นปริศนาธรรมที่ตัวปริศนาธรรมเองได้กลายมาเป็นคำตอบที่แจ่มแจ้งสำหรับคนผู้นั้นไปเสียแล้ว
การฝึกสมาธิพระโพธิสัตว์ก็ดี การฝึกมหาสติโดยการพิจารณาโครงกระดูกก็ดี หรือการฝึกลมปราณชำระไขกระดูกก็ดี ขอให้ผู้นั้นโปรดมั่นใจเถอะว่า ภายในเวลาที่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพียงพอ ตัวผู้นั้นย่อมจะมีประสบการณ์ด้วยตนเองได้ว่า ได้มีพลังบางอย่างซึ่งเป็น พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในอีกนัยหนึ่งก็คือ “พระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิม” กำลังเข้ามา “กระทำ” ต่อผู้ฝึกผู้นั้น แล้วค่อยๆ เปลี่ยนแปลงผู้นั้นให้เข้าสู่กระแสแห่งพุทธธรรมอย่างเป็นไปเองโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าผู้นั้นฝึกฝนด้วยจิตที่บริสุทธิ์โดยไม่คาดหวังสิ่งใดๆ ไม่ว่าเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ หรือแม้แต่เพื่อให้ได้ฤทธิ์ ยกเว้นแต่เป็นการบำเพ็ญภาวนาเพื่อสำแดงความเป็นหนึ่งเดียวกับพุทธะ หรือมหาโพธิสัตว์ ในขณะที่กำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่เท่านั้น
ท่านผู้อ่านที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ก็เช่นกัน โปรดสำเหนียกไว้ด้วยเถอะว่า ข้อเขียนชุดนี้ก็คือ พระหัตถ์แห่งพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่กำลังเข้ามา “กระทำ” ต่อตัวท่านเพื่อให้ท่านออกไปช่วยเหลือคนอื่น ออกไปช่วยเหลือสังคม และออกไปกู้โลกตามวิถีทางของตัวท่านเอง ทั้งนี้ก็เพราะว่า มือที่ยื่นไปช่วยเหลือสรรพสัตว์ของพระโพธิสัตว์กวนอิม มักจะทำงานโดย ผ่านคนอื่น เสมอ ที่สำคัญ การช่วยเหลือสรรพสัตว์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมนั้น มักจะกระทำอย่างอ้อมๆ อย่างแทบไร้ตัวตน อย่างแทบไม่ให้รู้ตัวเสมอ ปุถุชนจึงรับรู้โลกและพระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมได้ยาก แต่ สำหรับผู้ที่ตื่นขึ้นทางจิตวิญญาณแล้ว โลกและพระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นสิ่งที่สัมผัสได้
เพราะมันก็คือ โลกและชีวิตในวัฏสงสารนี้นั่นเอง เพียงแต่สำหรับผู้ที่ตื่นทางจิตวิญญาณแล้ว ผู้นั้นจะมองโลก และชีวิตนี้ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เพราะผู้นั้น จะมองเห็นได้อย่างกระจ่างแจ้งว่า โลกนี้ และชีวิตนี้ที่แท้ก็คือ โลกและชีวิตในพระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมนั่นเอง อันเป็นโลกและชีวิตที่มีแต่พระหัตถ์จำนวนไม่อาจประมาณได้ของพระโพธิสัตว์กวนอิมกำลังเคลื่อนไหวทำงานอยู่
“พระโพธิสัตว์กวนอิมใช้พระหัตถ์ แต่พระหัตถ์ก็ใช้พระโพธิสัตว์กวนอิมด้วย”
กวนอิมคือ พระหัตถ์ พระหัตถ์คือ กวนอิม และพระหัตถ์ก็คือ พวกเราแต่ละคนที่มีความรัก ความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อสรรพชีวิตทั้งปวงด้วยน้ำใสใจจริงนั่นเอง
การที่คนผู้นั้นจะประจักษ์แจ้งในพระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่คนผู้นั้นจะต้องฝึกฝนปฏิบัติธรรม จนประจักษ์แจ้งได้ด้วยตนเอง ทั้งก็เพราะว่า พระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมจะแลเห็นได้ในท่ามกลางการปฏิบัติธรรมจนประจักษ์แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองแล้วเท่านั้น
เนื่องจากตัววิธีการปฏิบัติธรรมต่างๆ อย่างเช่น สมาธิพระโพธิสัตว์ การฝึกลมปราณชำระไขกระดูก และการฝึกมหาสติโดยการพิจารณาโครงกระดูก เหล่านี้ความจริงก็เป็นการทำงานของพระโพธิสัตว์กวนอิมโดยตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะในการฝึกปฏิบัติเหล่านี้ “พระโพธิสัตว์กวนอิม” จะลงมาเข้าร่วมวงกับผู้ฝึกผู้นั้นด้วย ในรูปของ พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะช่วยทำให้คนผู้นั้นสามารถ “รู้ได้ด้วยตนเอง แจ่มแจ้งในตนเอง และกระจ่างอย่างไร้ตนเอง”
แต่ในอีกด้านหนึ่ง วิธีการปฏิบัติธรรมเหล่านี้ ก็เป็นเพียงแค่การเตรียมกายเตรียมใจของผู้นั้นให้สมบูรณ์พร้อมที่จะต้อนรับ การมาเยือนของพุทธธรรม ทั้งนี้ก็เพราะว่าพุทธธรรมมิใช่สิ่งที่จะเข้าถึงหรือได้มาด้วยการอ่านหรือด้วยการคิดเอาเองในเชิงปรัชญา แต่มันเป็นสิ่งที่จะมาของมันเอง มันจะมาเยือนคนผู้นั้นเอง เมื่อถึงเวลาอันสมควรสำหรับคนที่พร้อมแล้ว หรือเป็นภาชนะที่สมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ที่จะรองรับพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์จากมหาโพธิสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจนเต็มเปี่ยม จนกระทั่งคนผู้นั้นได้กลายมาเป็นโพธิสัตว์อีกผู้หนึ่ง ในขณะที่กำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่นั้น
อนึ่ง การบำเพ็ญภาวนาของโพธิสัตว์นั้น เป็นการนั่งภาวนา พิจารณาแบบไม่พิจารณา อย่างมีสติในสมาธิ ที่บอกว่าเป็น การพิจารณาแบบไม่พิจารณา นั้นหมายความว่า ไม่ใช่ทั้งพิจารณา และก็ไม่ใช่ทั้งไม่พิจารณา เพราะการพิจารณาก็ดี และการไม่พิจารณาก็ดีนั้น เป็นภาวะปกติของคนเรา ขณะที่ใน การพิจารณาแบบไม่พิจารณา นั้น ไม่ใช่ตัวเราในภาวะปกติ แต่เป็นตัวเราที่มีพระโพธิสัตว์กวนอิมในรูปของพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์กำลังเข้ามากระทำกับตัวเราอยู่ การนั่งเจริญสมาธิภาวนาของโพธิสัตว์ จึงเป็นการนั่งที่มี “บางสิ่ง” หรือ พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ เข้ามาร่วมนั่งด้วยเสมอ มิใช่แค่การนั่งขัดสมาธิหลับตาเฉยๆ เท่านั้น
การนั่งสมาธิโดยที่ไม่มีจิตศักดิ์สิทธิ์ หรือพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์เข้ามาร่วมวงด้วยกับผู้นั้น จึงไม่ใช่การนั่งสมาธิของโพธิสัตว์ เพราะฉะนั้น การนั่งสมาธิของโพธิสัตว์ จึงไม่ใช่การนั่งเพื่อลืมตัวตน แต่เป็นการนั่งสมาธิแบบที่ตัวตนของผู้นั้นได้ถูกหลอมละลายกลายเป็นตัวตนของพุทธะหรือพระโพธิสัตว์ ซึ่งเกิดจากการกระทำของจิตศักดิ์สิทธิ์ หรือพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมาครอบตัวผู้นั้น ในขณะที่กำลังนั่งเจริญสมาธิภาวนาอยู่
แต่ในทางกลับกัน เพราะการที่มนุษย์ผู้นั้นกำลังบำเพ็ญเจริญสมาธิภาวนาแบบโพธิสัตว์อย่างทุ่มเทชีวิตจิตใจให้ ก็ย่อมหมายความว่า มนุษย์ผู้นั้น กำลังช่วย “ค้ำจุน” โลกของจิตศักดิ์สิทธิ์ หรือโลกของพระโพธิสัตว์ อันเป็นโลกแห่งพลังงานอนันต์ อันไม่อาจประมาณจำนวนได้เอาไว้ด้วยเช่นกัน โดยที่โลกแห่งพลังงานอนันต์ หรือโลกแห่งพลังบุญหรือพลังเมตตาธรรมนี้แหละ ที่เป็นสิ่งที่ช่วยค้ำจุนโลกนี้เอาไว้อีกทีหนึ่ง