ธรรมบูรณา ภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับบทเรียนการกู้ชาติทางจิตวิญญาณของ ศรี อรพินโธ (ตอนที่ 47)
47. จิตศักดิ์สิทธิ์แห่งจตุคามรามเทพ (ต่อ)
วัตถุมงคลขององค์จตุคามรามเทพ เป็นการจำลองสัญลักษณ์ของ มณฑลแห่งจักรวาล เพื่อให้เกิด อำนาจปาฏิหาริย์ โดยเป็น การดึงดูดและตรึงพลังจักรวาล เอาไว้กับผู้ที่สวมใส่ ทำให้ผู้ที่สวมใส่สามารถรับพลังงานจากจักรวาล หรือสามารถเชื่อมโยงพลังงานจากจักรวาลอันยิ่งใหญ่มาสู่ตัวผู้นั้นได้
วัตถุมงคลที่ จิตศักดิ์สิทธิ์ อย่าง องค์จตุคามรามเทพ ได้ลงมาทำและกำกับเองโดยตรงนั้น ที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือ พระผงสุริยัน-จันทรา (หรือ ดวงตราจตุคามรามเทพ) ซึ่งมีเพียง 3 รุ่นเท่านั้นที่ องค์จตุคามรามเทพ เป็นผู้ลงมาทำ และกำกับเองโดยตรง ได้แก่ รุ่นแรก ใน พ.ศ. 2530 ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของสมนาคุณให้แก่ผู้ที่บริจาคเงินสมทบทุนในการสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช รุ่น 2 หรือ รุ่นกู้ชาติ ใน พ.ศ. 2548 เหตุที่เรียกรุ่นนี้ว่า รุ่นกู้ชาติ ก็เพราะว่า เมื่อเกิดการชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ สนธิ ลิ้มทองกุล แห่งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 สนธิ ได้ไปขอความช่วยเหลือจาก องค์จตุคามรามเทพ ช่วยดลบันดาลให้บังเกิดชัยชนะในการต่อสู้กอบกู้บ้านเมืองจาก ระบอบทักษิณ องค์จตุคามรามเทพ จึงมอบพระผงสุริยัน-จันทรา รุ่น 2 นี้ให้แก่ สนธิ ไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่เข้ามาร่วมกู้ชาติบ้านเมืองเป็นจำนวนมาก และ รุ่นที่ 3 ที่เป็น รุ่นล่าสุด คือ รุ่นยามเฝ้าแผ่นดิน ใน พ.ศ. 2550 ที่ องค์จตุคามรามเทพ อนุญาตให้ สนธิ ลิ้มทองกุล สร้างขึ้นมาเพื่อระดมทุนให้แก่ มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ที่ สนธิ ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อเป็น ศูนย์รวมของขุมพลังที่ต้องการปกป้องบ้านเมืองจากการฉ้อฉลโกงกินบ้านเมืองในทุกรูปแบบ หลังจากนี้เป็นต้นไป
ทุกขั้นตอนในการทำพระผงทั้ง 3 รุ่นข้างต้นนี้ องค์จตุคามรามเทพ เป็นผู้สั่งผู้บัญชาอย่างละเอียดทุกขั้นตอนโดยตรง
พระผงสุริยัน-จันทรา เป็นวัตถุมงคลที่มีมนต์ขลังที่ถูกออกแบบรังสรรค์ขึ้นมาด้วยภูมิปัญญาที่ “เหนือมนุษย์” เพราะเป็นการสร้างโดยดึงเอาพลังงานจากจักรวาลกับสัญลักษณ์ของเทพเจ้าชั้นสูงที่มีฤทธิ์อย่าง องค์จตุคามรามเทพ มาประจุไว้ตามหลักเทวศาสตร์ พรหมศาสตร์อย่างถูกต้อง คือมีลักษณะเป็นทรงกลม และมีรูป พระราหู ล้อมรอบ
เบื้องต้นของการสร้าง พระผงสุริยัน-จันทรา ของ องค์จตุคามรามเทพ เป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2530 นั้น การออกแบบที่สร้างขึ้นกระทำโดยการอัญเชิญองค์จตุคามรามเทพลงมาประทับทรงในร่างของร่างทรง จากนั้นจึงได้ออกแบบ พระผงสุริยัน-จันทรา ออกมา โดยด้านหน้ามีสิ่งสำคัญ 5 ประการที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสื่อสัญลักษณ์ถึงความยิ่งใหญ่แห่งโครงสร้างของจักรวาล ซึ่งได้แก่
(1) รูปราหูอมจันทร์ 8 ตน กำหนดขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ทั้ง 8 ดวงคือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ และมฤตยู หรือระบบสุริยจักรวาลทางโหราศาสตร์
(2) กงจักร สื่อถือวัฏจักรหรือการเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนที่ไม่หยุดนิ่ง
(3) ภาพดาว 12 นักษัตร ที่เป็นตัวแทนของอาณาจักรศรีวิชัย เมือง 12 นักษัตร
(4) จุดประวงกลม สื่อถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของดาราจักรหรือกาแล็กซี
(5) องค์จตุคามรามเทพ ที่อยู่ตรงกลางเป็นตัวแทนของ โลก ซึ่งทางโหราศาสตร์ถือว่า โลก คือศูนย์กลางของจักรวาล มีดาวพระเคราะห์ทั้งหลายเป็นดาวบริวารโคจรหมุนเวียนรอบโลก เพราะว่า โลก เป็นดาวพระเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ประเสริฐที่สามารถสร้างสรรค์อารยธรรมอันสูงส่งขึ้นมาได้ ขณะที่ดาวดวงอื่นเป็นเพียงวัตถุธาตุที่ไม่มีชีวิตจิตวิญญาณ
เมื่อพลิกไปด้านหลังของ พระผงสุริยัน-จันทรา ก็จะพบสื่อสัญลักษณ์ที่สำคัญอีก 4 ประการเช่นกันคือ
(1) ยันต์หัวใจธรณี ที่อยู่ตรงกลางเป็นตัวแทนแห่งหัวใจมนุษย์
(2) ยันต์ด้านซ้าย เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมนุษย์เพศชาย
(3) ยันต์ด้านขวา เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมนุษย์เพศหญิง
(4) ตัวอักขระด้านนอกสุด เป็นสัญลักษณ์ของระบบธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
สิ่งที่ต้องย้ำให้ชัดอีกครั้งก็คือ การสร้างวัตถุมงคลแต่ละครั้ง แต่ละห้วงเวลานั้น องค์จตุคามรามเทพเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่ใครนึกจะสร้างก็สร้างขึ้นมา ไม่ใช่ใครคิดจะทำก็ได้ เพราะทุกครั้งที่มีการสร้างวัตถุมงคลขององค์จตุคามรามเทพขนานแท้ จะต้องมีเหตุผลหลักเพื่อช่วยปกปักรักษาบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภัยพิบัติเป็นสำคัญ มิใช่ทำเพื่อพุทธพาณิชย์หรือเพื่อให้ร่ำรวยอย่างที่มักเข้าใจผิดกัน
การปลุกเสกวัตถุมงคล คือการทำให้วัตถุธาตุที่ไม่มีชีวิตให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิต ด้วยการอัญเชิญ ทิพย์วิญญาณของเทพเจ้าหรือจิตศักดิ์สิทธิ์ เข้าไปสิงสถิตอยู่ในวัตถุธาตุนั้นได้ วัตถุนั้นจึงเป็นวัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ผู้ที่จะสามารถปลุกเสกวัตถุมงคลได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถทางจิตในชั้นสูงแล้ว ก็ต้องให้จิตศักดิ์สิทธิ์ลงมาปลุกเสกด้วยตัวเอง
ในการจะสร้างวัตถุมงคลให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้นั้น ก่อนอื่นผู้นั้นจะต้องมีความเข้าใจใน ปรัชญาราหูอมพระอาทิตย์-อมพระจันทร์ เสียก่อน กล่าวคือ ในระบบสุริยจักรวาล โลกหมุนรอบตัวเองและโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงจันทร์ก็หมุนรอบตัวเองและหมุนไปรอบโลกพร้อมทั้งโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ด้วย
การพัวพันกันระหว่างโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ เช่นนี้ทำให้ในบางครั้งมีการบังแสงกันทำให้เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา และสุริยุปราคาในทางดาราศาสตร์ แต่ทว่าในปรัชญาการสร้างวัตถุมงคลของคนโบราณนั้น จะถือว่าโลกหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักร โดยโลกจะได้รับแต่เพียงแสงอาทิตย์กับแสงจันทร์เท่านั้น ในการก่อเกิดสรรพสิ่งขึ้นมาในโลก ส่วนแสงอื่นจากภายนอกส่องเข้ามาไม่ถึงพื้นผิวโลก เพราะฉะนั้นในทางโหราศาสตร์จึงถือว่า ดวงชะตาของคนเรา ถ้าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ไม่ดีแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีบุญวาสนารุ่งเรืองมั่งมีศรีสุขได้
จากหลักการนี้ เมื่อ องค์จตุคามรามเทพ สร้างวัตถุมงคลขึ้นมา จึงได้จำลอง โครงสร้างของสากลจักรวาล อันประกอบด้วย กาแล็กซีของกลุ่มดาว 12 นักษัตรกับระบบสุริยจักรวาล โดยมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกที่ “อาทิตย์เป็นพ่อ จันทร์เป็นแม่ ราหูเป็นลูก” จึงออกมาเป็นพระผงสุริยัน-จันทรา โดยที่ รูปพระราหู ในแม่พิมพ์พระผงสุริยัน-จันทราของ องค์จตุคามรามเทพ นี้เป็นสัญลักษณ์แทนความหมายของ เงาดาวพระเคราะห์ทั้งหลายในจักรวาล ซึ่งต้องได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ จึงสะท้อนแสงมายังโลกของเราได้
จะเห็นได้ว่า ถ้าปราศจาก “เงา” เสียแล้ว โลกของเราก็ไม่มีหนทางใดที่จะดึงดูดกระแสธาตุจากชั้นบรรยากาศลงมาปรุงแต่งสภาพกับระบบธาตุในโลกเพื่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ธรรมชาติได้เลย
สูตรมวลสารมงคลในการสร้างพระผงสุริยัน-จันทรา ของ องค์จตุคามรามเทพ ที่เป็นสูตรการสร้างพระเนื้อผงของชาวศรีวิชัยโบราณนั้น นอกจากจะได้แก่ข้าวสุก เกลือ น้ำตาล กล้วยน้ำว้า นมสด น้ำผึ้งรวง ผลกะลาตาเดียว ดอกไม้มงคลต่างๆ ดินหัวใจเมือง ปูนเปลือกหอย น้ำ 4 ท่า ผงทอง ผงเงิน ผงนาค และผงไม้ตะเคียนทองหลักเมืองแล้ว
ส่วนที่สำคัญที่สุดและเป็นเคล็ดลับจริงๆ ก็คือ ผงยันต์ที่องค์จตุคามรามเทพเขียนขึ้นตามฤกษ์ยาม ตามฤทธานุภาพของดวงดาวในท้องฟ้าลงบนแผ่นกระดาษหรือแผ่นผ้าแล้วนำไปเผาให้ไหม้ เอาขี้เถ้าของผงยันต์นั้นมาเป็นส่วนผสมสำคัญของพระผงสุริยัน-จันทรา
ส่วนที่ต้องกำหนดขนาดพระผงสุริยัน-จันทรา ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร ก็เพราะ องค์จตุคามรามเทพ บอกว่า นี่เป็นขนาดที่ทำให้เกิดพลังสูงสุดในการดูดซับรัศมีดวงดาวในชั้นฟ้า ให้ถ่ายเทพลังอำนาจเข้าสู่เรือนกายของผู้สวมใส่ และมีศรัทธาเลื่อมใส เพื่อช่วยบันดาลให้บังเกิดความโชคดีมีชัย รวมทั้งคอยปกป้องคุ้มครองจากความโชคร้าย และภัยอันตรายทั้งปวง
ยิ่งถ้าผู้นั้นฝึก สมาธิและลมปราณตามแนวทางพรต (เต๋า) ที่เชี่ยวชาญในการดึงดูด ปราณ (ชี่) ประกอบกับการสวมใส่วัตถุมงคลของ องค์จตุคามรามเทพ เข้าไปในขณะฝึกด้วย ก็จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการดูดซับรัศมีดวงดาวในชั้นฟ้าเพิ่มพูนขึ้นเป็นทวีคูณ
รัศมีดาวอาทิตย์ ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่าน จุดที่หว่างคิ้ว
รัศมีดาวจันทร์ ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่าน จุดที่ก้นกบ
รัศมีดาวอังคาร ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่าน กะโหลกศีรษะด้านหน้า
รัศมีดาวพุธ ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่าน กะโหลกศีรษะด้านหลัง
รัศมีดาวศุกร์ ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่าน กะโหลกศีรษะด้านข้างซ้าย
รัศมีดาวพฤหัส ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่าน กะโหลกศีรษะด้านข้างขวา
รัศมีดาวเสาร์ ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่าน จุดกลางกระหม่อม
รัศมีดาวมฤตยู ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของผู้นั้น ผ่านจุดเหนือใบหู
อนึ่ง ในการฝึกสมาธิและลมปราณดูดซับรัศมีดวงดาวในชั้นฟ้าตามแนวทาง พรต หรือ เต๋า ข้างต้นนี้ ทางที่ดีผู้ฝึกควรจะวาง พระผงสุริยัน-จันทรา 3 องค์จาก 3 รุ่นข้างต้นเท่านั้น จะเป็นรุ่นไหนก็ได้ องค์หนึ่ง วางไว้ที่กลางกระหม่อม (ตันเถียนบน) อีก องค์หนึ่ง ห้อยไว้ที่คอ (ตันเถียนกลาง) และอีก องค์หนึ่ง ควรวางไว้ที่ฝ่ามือ (ตันเถียนล่าง) ในขณะที่กำลังฝึกสมาธิ และลมปราณอยู่จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น และเป็นการปฏิบัติบูชาพร้อมกันไปด้วย
การฝึกสมาธิเพื่อดูดซับ “คลื่นพลังแสง” แห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ ให้ซึมซับเข้าสู่ตัวผู้ฝึกนี้เป็น รูปแบบหนึ่ง ของการบำเพ็ญตบะและการบำเพ็ญเพียรทางจิตบน วิถีแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดก็ตาม ที่พากเพียรอยู่บนวิถีนี้จนสำเร็จทางจิตในระดับสูง ผู้นั้นย่อมสามารถรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งทั้งปวงได้