การสะสมชี่ในโยคะแห่งเต๋า
การสะสมขี่ หรือ "กำลังภายใน" ของมวยไท้เก๊กนั้น ทำได้สองวิธี ซึ่งจะต้องทำควบคู่กันไป วิธีแรกคือ การทำสมาธิเต๋า ส่วนวิธีที่สองคือใช้การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเป็นสมาธิของไท้เก๊ก ในการฝึกฝนมวยไท้เก๊กนั้น "สมาธิเต๋า" เป็นวิธีการเดียวที่ผู้ฝึกใช้ในการทำให้รู้สึกและประจักษ์แจ้งถึง "ขี่"่ (ปราณหรือกำลังภายใน) ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นการฝึกสมาธิเต๋าในท่านั่งหรือท่ายืนก็ตาม เคล็ดในการฝึกสมาธิเต๋า (สมาธิของมวยไท้เก๊ก) ที่ผมได้รับการถ่ายทอดมามีดังนี้
(1) จงผ่อนคลายร่างกายตลอดร่างราวกับกำลังนอนหลับสนิท จงทำให้แน่ใจว่าไม่มีการเกร็งทางกายภาพเกิดขึ้นที่ส่วนไหนของร่างกายเลย
(2) จงทำใจให้สงบ และเพ่งจิตไปที่ ร่างกายทุกส่วนของตัวเอง ฟังการหายใจของร่างกายรู้สึกถึงการเต้นของชีพจรและอื่นๆ จนกระทั่งรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติในจังหวะชีวิดของร่างกายตนเอง
(3) ชักนำ เสิน (จิตวิญญาณ) ไปที่ยอดศรีษะ โดยการจินตนาการว่าที่ยอดศีรษะของตนนั้น กำลังถูกแขวนด้วยด้ายเส้นเล็กๆอยู่ และโดยการหายใจลึกๆ ช้าๆ เข้าไปที่จุดตันเถียน ฝึกหายใจลึกๆ ช้าๆ จนกระทั่งสามารถรู้สึกถึงกระแสของพลังที่กำลังไหลไปทางเส้นทางหรือช่องทางภายในร่างกายได้ รายละเอียดที่เกี่ยวกับเทคนิค การหายใจของมวยไท้เก๊กโปรดอ่าน"คัมภีร์จอมยุทธ์"(สำนักพิมพ์ผู้จัดการ2538)ของผมเพิ่มเติม
(4) เมื่อฝึกนั่งและยืนสมาธิเต๋าจนสามารถรู้สึกถึงกระแสพลังที่กำลังไหลอยู่ในร่างกายได้แล้ว เมื่อนั้นผู้ฝึกจึงค่อยๆฝึกฝนการรำมวยไท้เก๊ก ในลักษณะที่เป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีสติและสมาธิพร้อมสมบูรณ์โดยปล่อยให้ชี่ไหลไปตามการเคลื่อนไหวของร่างกายและจิตของผู้ฝึก
(5) ยิ่งผู้ฝึกหมั่นฝึกฝนการนั่งสมาธิการยืนสมาธิและการรำสมาธิ (รำมวยไท้เก๊กอย่างเป็นสมาธิ)มากเท่าไหร่ผู้ฝึกก็จะยิ่ง สะสมชี่ข้างในร่างกายและตระหนักถึงพลังภายใน(ชี่)ที่เพิ่มขึ้นภายในตัวมากยิ่งขึ้นตามลำดับ การร่ายรำมวยไท้เก๊กของคนนั้นจะพัฒนายิ่งขึ้นลุ่มลึกยิ่งขี้นอย่างที่คนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้จากแค่เลียนแบบท่าร่างภายนอก ในขั้นนี้ผู้ฝึกคนนั้นจะสามารถใช้จิตของเขา
ชักนำชี่ไห้ไหลไปตลอดร่างอย่างเป็นอิสระได้ จิตและกายของเขาจะปรองดองประสานกันเขาจะเคลื่อนไหวร่างกายได้ดังใจปรารถนา การรำมวยไท้เก๊กอย่างเป็นสมาธิเป็นหนทางหลักที่โยคีเต๋าใช้พัฒนาพลังภายใน ตรงนี้แหละที่ทำให้โยคะแห่งเต๋ามีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างไปจากโยคะสายอื่นที่ใช้การนั่งเป็นหนทางหลักในการฝึกและปลุกพลังภายใน
(6) การรู้สึกถึงพลังจักรวาล ที่กำลังไหลอย่างเป็นอิสระภายในตัวเรายังไม่ใช้ความสำเร็จขั้นสูงของโยคะแห่งเต๋า แต่ประการใดเลย คนทั่วไปที่ฝึกวิชาชี่กงประเภทต่างๆ(รวมทั้งวิชาพลังจักรวาล)มักตื่นเต้นแค่สามารถรู้สึกถึงกระแสชี่ภายในตัวได้ทั้งๆที่การได้แค่ระดับนี้โดยไม่ฝึกในขั้นสูงยิ่งขึ้นไป จะให้ประโยชน์ก็แค่เสริมสุขภาพเท่านั้น ทั้งๆที่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากชี่ที่สะสมอยู่ในร่างกายได้มากกว่านี้ อีกถ้าหากรู้จักวิธีใช้มัน วิธีใช้ประโยชน์ในขั้นสูงจากชี่ของโยคะแห่งเต๋านั้นคือเทคนิคการหายใจแบบทำให้อัดแน่นหรือทำให้เข้มข้น (CONDENSING BREATHING) คล้ายคลึงกับเทคนิค"กุมภคะ"ของหะธะโยคะแต่ก็ไม่เหมือนทีเดียวนัก
(7) เคล็ดในการหายใจแบบทำให้อัดแน่นหรือทำให้เข้มข้นคือใช้ท่ายืนสมาธิของมวยไท้เก๊กโดยต้องผ่อนคลายร่างกายทั่วร่าง สงบจิต ตามองไปไกลไม่เพ่งศรีษะเหมือนถูกแขวนด้วยเส้นด้าย หูตั้งใจฟังเสียงภายใน ชี่จมและรวมตัวจุดตันเถียน ชักนำชี่ให้ไหลอย่างสะดวกโคจรไปทั่วร่างกาย หายใจยาวๆช้าๆลึกๆอย่างเป็นจังหวะและต่อเนื่อง เมื่อรู้สึกถึงกระแสของชี่ที่ไหลอย่างเป็นอิกระในร่างกายแล้วต่อไปให้เพ่งจิตไปที่แขนทั้งสองข้าง ในขณะที่กำลังยืนสมาธิในท่าของมวยไท้เก๊กที่ครูถ่ายทอด ให้พยายามรู้สึกถึงส่วนที่เป็นกระดูกของท่อนแขนตนโดยละเลยไม่ต้องสนใจส่วนอื่นของแขนไม่ว่าผิวหนังหรือกล้ามเนื้อคือให้ฝึกจินตนาการว่าขณะนี้ตัวเรามีแต่โครงกระดูกเท่านั้น จากนั้นในตอนหายใจเข้าให้จินตนาการว่าลมหายใจของเข้าของเราดันกระดูกให้อัดแน่น เข้าไปข้างในจนเข้าไปถึงไขกระดูก ฝึกจนกระทั่งรู้สึกราวกับว่าโครงกระดูกของเราถูกอัดแน่นและจมลึกลงไปทุกครั้งที่เราหายใจเข้า การฝึกเช่นนี้เป็นกระบวนการเปลี่ยนชี่ให้เป็นจิ้งนั่นเอง
(8) หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกลมหายใจแบบทำให้อัดแน่นที่แขนทั้งสองข้างได้แล้ว ให้ขยายการฝึกนี้ไปที่ส่วนอื่นของร่างกายคือ ท่อนหลัง ศรีษะ และ ขา รวมทั้งส่วนอื่นที่เหลือของร่างกาย ฝึกจนกระทั่งผู้ฝึกรู้สึกราวกับว่าโครงกระดูกของร่างกายตนถูกแขวนอยู่โดยไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อใดๆพยุงเลย ขณะที่หายใจเข้าและทำสมาธิในท่ายืนนี้ให้บีบรัดกล้ามเนื้อรอบๆกระดูกเข้าสู่ไขกระดูกแต่ผ่อนคลายทั่วร่าง ขณะที่หายใจออกผู้ฝึกจะรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังสะสมพลังงานทั้งหมดทั่วร่างกายเข้าสู่ไขกระดูกในทุกครั้งที่หายใจเข้า และ รู้สึกผ่อนคลายทั่วร่างในทุกครั้งที่หายใจออก
(9) สรุปสั้นๆก็คือขั้นแรกต้องฝึกให้ชี่หรือพลังจักรวาลไหลทั่วร่างกายอย่างต่อเนื่องขั้นต่อไปให้ใช้จิตของตนบีบรัดชี่ไห้ไหลซึมเข้าไปในไขกระดูกจนเกิดพลังเข้มข้นคล้ายกับกระแสไฟฟ้า ที่เรียกว่าจิ้งขึ้นภายในจากนั้นทำให้พลังนี้สะสมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆภายในร่างกายนี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของสิ่งที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อของ"กำลังภายใน"ซึ่งสามารถนำใช้ประโยชน์ได้ไม่ว่าใน การต่อสู้การรักษาโรคหรือการยกระดับจิตวิญญาณระบบการฝึกกำลังภายในของโยคะแห่งเต๋าหรือมวยไท้เก๊กสามารถเขียนออกเป็นแผนภูมให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นดังต่อไปนี้