แนวทางการเสริมสร้างระบบภูมิชีวิตอย่างบูรณาการ
เพื่อป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคร้ายแรงอื่นๆ (33)
(17/1/2555)
*สมมติฐาน Oxidative Stress*
สิ่งที่ทำให้นายแพทย์เรย์ แสตรนด์ ก้าวเข้าสู่ วิถีแห่งการแพทย์เชิงโภชนาการ (nutritional medicine) อย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 เป็นต้นมา ก็คือ การได้รับรู้เรื่อง สมมติฐาน Oxidative Stress จากหนังสือของ ดร.เคนเน็ธ คูเปอร์ เรื่อง “The Antioxidant Revolution” โดยที่สมมติฐานนี้นำเสนอว่า “Oxidative Stress” หรือการที่เซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระเป็นพื้นฐานสาเหตุของโรคเสื่อมเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักการตายของมนุษย์ในปัจจุบัน
Oxidative Stress นี้เป็นสาเหตุของโรคแห่งความเสื่อมเรื้อรังมากกว่า 70 ชนิด มันเป็นกระบวนการเดียวกับการที่ทำให้เหล็กเกิดสนิม หรือชิ้นแอปเปิลที่ตัดแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานของการเกิดโรคหลอดเลือดแข็ง มะเร็ง โรคลมปัจจุบัน ข้อต่ออักเสบ อัลไซเมอร์ การแข็งตัวของเนื้อเยื่อซ้ำซ้อน และความเสื่อมเฉพาะจุด สมมติฐาน Oxidative Stress นี้ จึงเป็นทฤษฎีที่สำคัญในการอธิบายกระบวนการเกิดความเสื่อมในร่างกายของคนเราที่อยู่ในสภาวะของการถูกโจมตีโดย “ข้าศึก” ที่อยู่ในคราบของมลพิษทางอากาศ อาหาร น้ำ และความเครียด
การได้รับรู้ถึงวิธีการที่ Oxidative Stress ทำร้ายร่างกายของคนเรา ได้เปลี่ยนมุมมองของนายแพทย์เรย์ในเรื่องการรักษาโรคแห่งความเสื่อมเรื้อรังไปค่อนข้างมาก เพราะมันทำให้เปิดประเด็นของ ความเป็นไปได้ของการใช้อาหารเสริม หรือวิตามินเสริมประเภทต้านอนุมูลอิสระในการป้องกันโรคมะเร็ง และการควบคุมโรคข้อต่ออักเสบ โรคเนื้อเยื่อแข็งตัว เบาหวาน ความเสื่อมเฉพาะจุด พาร์กินสัน และโครห์น ฯลฯ
นายแพทย์เรย์ เริ่มสงสัยว่า Oxidative Stress น่าจะเป็นสาเหตุของโรคเนื้อเยื่อแข็งที่ลิซ ภรรยาของเขาเป็นมานานนับปี และการที่อาการภรรยาของเขาดีขึ้น หลังจากได้รับประทานวิตามินเสริมประเภทต้านอนุมูลอิสระเข้าไป ก็น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความถูกต้องของสมมติฐานนี้ด้วยหรือไม่
ด้วยเหตุนี้เอง นายแพทย์เรย์จึงเริ่มต้นค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่เขาสามารถหาได้ โดยเน้นหนักไปที่การศึกษาทางการแพทย์ ในเรื่องของ Oxidative Stress โดยตรง นายแพทย์เรย์ได้ใช้เวลานานนับปีในการตรวจสอบงานวิจัยมากกว่าหนึ่งพันสามร้อยชิ้นที่เกี่ยวข้องกับอาหารเสริม และผลกระทบของอาหารเสริมที่มีต่อโรคเสื่อมเรื้อรัง ซึ่งตัวเขาได้ค้นพบว่า งานวิจัยได้แสดงผลออกมาอย่างชัดเจนว่า อาหารเสริมมีความสำคัญต่อร่างกายในเชิงบวก หากผู้ป่วยบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมซึ่งสูงกว่าระดับทั่วไปที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ไม่เพียงเท่านั้น งานวิจัยยังได้แสดงอีกว่า ปราการสำคัญที่สุดที่ช่วยป้องกันโรคได้คือ สารต้านอนุมูลอิสระในธรรมชาติกับระบบภูมิคุ้มกันของคนเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือกว่ายาใดๆ ที่นายแพทย์จะสามารถแนะนำได้
นายแพทย์เรย์ จึงได้ข้อสรุปภายหลังการศึกษาอย่างเอาจริงเอาจังมานานนับปีว่า การใช้การบำรุงด้วยอาหารเสริมหรือวิตามินต่างๆ ในผู้ป่วย ไม่ได้เป็นวิธีการรักษาทางเลือก (แบบจะทำหรือไม่ทำก็ได้ตามใจผู้ป่วย) แต่เป็นวิธีการรักษาแบบผสมผสานที่ควรทำอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่า การบริโภคอาหารเสริมจะมิได้เป็นการกำจัดโรคโดยตรงก็จริง แต่มันเป็นการส่งเสริมระบบภูมิชีวิตของร่างกายให้กลับมามีชีวิตชีวาอย่างแน่นอน
หลังจากได้อ่านงานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากมายแล้ว นายแพทย์เรย์ แทบไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีกต่อไปแล้วว่า ผู้ป่วยซึ่งได้รับอาหารเสริมคุณภาพสูงจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าผู้ที่ไม่ได้บริโภค และ แนวทางที่ดีที่สุดในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีจนแก่เฒ่า คือ การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มิใช่การรักษาหลังจากเกิดอาการโรคเสื่อมเรื้อรังแล้ว แต่แพทย์กระแสหลักส่วนใหญ่ มักไม่มีเวลาและความพยายามที่เพียงพอที่จะสอนให้คนไข้รู้จักปฏิบัติตัวในการป้องกันความเจ็บป่วย เพราะแพทย์มักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาโรคมากกว่าที่จะให้ความรู้ ความเข้าใจแก่คนไข้ในการมีชีวิตที่แข็งแรง และห่างไกลจากการเกิดโรคแห่งความเสื่อมเรื้อรังต่างๆ ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นหน้าที่ของผู้ป่วยทุกคนที่ควรจะดูแลตนเองด้วยการกินเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารเสริม และฝึกการเจริญสมาธิภาวนาเพื่อขจัดความเครียดในจิตใจในชีวิตประจำวัน
การกินเพื่อสุขภาพ หมายถึงการเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย รับประทานผักและผลไม้เยอะๆ บ่อยๆ รวมทั้งอาหารที่มีโปรไบโอติกอย่างโยเกิร์ต นมเปรี้ยวเป็นประจำทุกวัน
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะต้องไม่เป็นการออกกำลังกายเกินพิกัดแบบหักโหมชนิดหามรุ่งหามค่ำ เพราะนั่นกลับจะทำให้มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณอนุมูลอิสระในร่างกาย และจะก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย หากมีพฤติกรรมแบบนี้ติดต่อกันนานหลายปี การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด คือ การออกกำลังกายแต่พอประมาณซึ่งจะทำให้ปริมาณของอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นในร่างกายเพียงเล็กน้อย เมื่อผู้นั้นมีโภชนาการที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสม่ำเสมอ โดยรวมแล้วจึงส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้นั้นอย่างเป็นองค์รวม
การรับประทานอาหารเสริมที่เป็น สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน โคเอนไซม์คิว 10 และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น มีความจำเป็น เพราะร่างกายของคนเราไม่สามารถผลิตตัวต่อต้านอนุมูลอิสระทุกประเภทที่ร่างกายมีความต้องการได้ ร่างกายจึงควรหาสิ่งทดแทนที่ร่างกายสร้างไม่ได้จากอาหารและอาหารเสริม หากร่างกายมีปริมาณของตัวต่อต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอรับมือกับอนุมูลอิสระ ก็คงยังไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นในร่างกาย แต่หากตัวต่อต้านอนุมูลอิสระมีปริมาณไม่เพียงพอในร่างกายแล้ว Oxidative Stress ย่อมเกิดขึ้น
และถ้าหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ภาวะนี้จะพัฒนากลายเป็นโรคแห่งความเสื่อมเรื้อรัง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักพ่ายแพ้ต่อ “สงครามภายใน” ร่างกายนี้ การสร้างความสมดุลจึงเป็นกุญแจเพื่อเอาชนะสงครามที่ไม่มีวันจบ จึงมีความจำเป็นที่คนเราจะต้องสร้างระบบรุก และรับให้มีความสมดุล หากต้องการเอาชนะศัตรูแล้ว ร่างกายของเราก็ต้องติดอาวุธครบมือ คือต้องมีตัวต่อต้านอนุมูลอิสระให้มากกว่าอนุมูลอิสระเสียก่อน โดยการทานอาหารสุขภาพและอาหารเสริม
เดวิด เป็นผู้ตรวจสอบใบขับขี่อยู่ในรัฐยูทาห์ เขาเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด และไม่เคยเข้ารับการรักษาจากอาการป่วยใดๆ จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เขาเริ่มสังเกตว่า ขาของเขาเริ่มอ่อนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อไปพบแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา พวกเขาได้วินิจฉัยว่า เดวิดเป็นโรคที่น้อยคนจะเป็นที่เรียกว่าโรค “Leukoencephalopathy” ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของเซลล์ประสาทในสมองชนิดรุนแรง ซึ่งมีความหวังในการรักษาให้หายน้อยมาก และเป็นโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ข้อมูลจากแพทย์ทำให้เดวิด หมดหวังกับชีวิต จากนั้นความจริงที่เกิดขึ้นกับเดวิด ก็เป็นไปตามที่แพทย์บอก กล่าวคือ เดวิดเริ่มมีอาการที่อ่อนแอลง มีอาการทรงตัวลำบาก และเริ่มไม่สามารถควบคุมลำไส้ และกระเพาะปัสสาวะได้ จนต้องนั่งรถเข็น หลังจากนั้น เดวิดเริ่มมีอาการทรุดหนักลงด้วย โรคไข้หวัดใหญ่ แขนขาเย็นเฉียบ แพทย์ได้บอกกับเดวิดว่า อาการของเขาจะไม่ดีขึ้น และเขาอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงหนึ่งถึงสองสัปดาห์เท่านั้น
ตอนนั้นเองที่เดวิดตัดสินใจลองรับประทานอาหารเสริม โดยเริ่มจากวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุต่างๆ และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น เพียงห้าวันหลังจากนั้น เดวิดเริ่มมีแรงมากขึ้น สามสัปดาห์หลังการกินอาหารเสริม เดวิดเริ่มลุกออกจากเตียงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ยิ่งเวลาผ่านไป เดวิดเริ่มมีความหวังเพราะร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น
เมื่อเดวิดตัดสินใจ บริโภคสารสกัดจากเมล็ดองุ่นให้มากขึ้น เมื่อเขาได้เรียนรู้ว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นนี้ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพยิ่ง และน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น เพราะมันทำให้ของเหลวในสมองได้รับการดูดซึมอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าความเจ็บปวดบริเวณขาของเขาลดน้อยลง และเดวิดเริ่มกลับมาเดินได้อีกครั้ง แม้เขายังเดินได้แบบกะโผลกกะเผลก แต่เขาก็เดินได้ด้วยตัวเอง แล้วแพทย์ประจำตัวของเดวิด ก็แทบจะไม่เชื่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้
กรณีของเดวิดข้างต้นที่นายแพทย์เรย์ได้ประสบและรับรู้โดยตรง ทำให้เขามีความเชื่อมั่นใน แนวทางรักษาแบบใช้อาหารเสริมช่วยเสริมสร้างร่างกายของคนไข้ให้แข็งแรง มากยิ่งขึ้นไปอีก
|