เนื้อหาของวิชาที่ฝึกในกิจกรรมครั้งที่ 11
ของชมรมมังกรธรรม
วันเสาร์ที่ 14 กรกฏาคม 2555
(บันทึกประสบการณ์การฝึกโดย เมฆ)
หลังจากที่ทุกคนแยกกันอบอุ่นร่างกายสำเร็จแล้ว
เรื่องแรกที่อาจารย์สุวินัยสอน คือการเคลื่อนลมปราณ (ยืนฉาบลมปราณ) ทั้งสิ้น 36 ครั้ง แต่ครั้งนี้ลงรายละเอียดเพิ่มขึ้นโดย
1) ให้ยืนงอขา (ท่านั่งม้า) ตลอดการเคลื่อนลมปราณ
2) ในขณะที่มือฉาบผ่านด้านหลังลำตัว ให้ทำมือมุทรา คือปลายนิ้วโป้งแตะนิ้วกลาง
3) เมื่อถึงจังหวะดันแขนเหยียดขึ้นฟ้าและแหงนหน้าขึ้น ให้กักลมหายใจไว้ให้นานที่สุด
เมื่อฝึกจนครบ พบว่าร่างกายท่อนล่างมีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมาก ท่าที่อาจารย์สอนต่อไป คือสาธิตการปล่อยหมัดปาจี๋ (ที่เคยสอนเมื่อครั้งที่แล้ว) แต่ครั้งนี้ ในส่วนของจังหวะสุดท้ายให้ยืนค้างอยู่ในท่าปล่อยหมัด 7 วินาที
น่าแปลกที่ครั้งนี้ผมสามารถเข้าถึงกระบวนท่าได้ถูกต้องกว่าอาทิตย์ที่แล้วแทบจะทันที ร่างกายท่อนล่างตอบสนองและยึดอยู่กับพื้นแน่นมาก สัมผัสได้ถึงพลังที่ปล่อยออกไปยังฝ่ามือชัดเจน ลมหายใจที่กักเอาไว้ ลมหายใจที่ปล่อยออกไป เสียงลมที่ออกจากปาก
หลังจากที่อาจารย์ปล่อยให้แต่ละคนฝึกท่ามวยปาจี๋ ก็เรียกรวมพลและสาธิตท่านกนางแอ่น
และสอนให้รวมวิชา มือเมฆ (ท่าอ่อนเลื่อนไหล สายไท้เก๊ก) ต่อเนื่องด้วยหมัด 8 สุดยอด (ท่าเสือ สายมวยปาจี๋) และจบที่ท่านางแอ่นเล่นน้ำ (สายมวยปากัว)
“การฝึกท่ามวยปาจี๋ซึ่งเป็นมวยสายแข็ง (หยาง) ควรเริ่มจากท่าร่างสายอ่อน (หยิน) ก่อน ไม่อย่างนั้นจะมีอันตรายต่อตัวผู้ฝึกเอง
เนื้อหาการฝึกช่วงหลัง เป็นการฝึกโยคะ ครั้งนี้อาจารย์สอนเคล็ดหลักการของ กุณฑาลินีโยคะ
เป็นครั้งแรกที่อาจารย์ให้เวลากับการนั่งเล่าประสบการณ์ อธิบายพื้นฐานองค์ความรู้ และกรอบวิธีคิดของศาสตร์ที่อาจารย์เลือกนำมาถ่ายทอด
สรุปแล้ว สิ่งที่ผมได้รับคืออาจารย์วางหลักวิชาที่จะถ่ายทอดให้พวกเราแบ่งเป็น 2 แนวคิดหลัก คือ
1) การฝึกวิชาเซียนเต๋าสายวารี ที่ให้ความสำคัญกับกายเนื้อไม่มาก เท่ากับการฝึกกายปราณและนำไปสู่การขัดเกลากายทิพย์ ( 7 ชั้น) ต่อไป
2) กุณฑาลินีโยคะ แก่นแท้ของวิชาตันตระ
ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่การฝึกโยคะ ครั้งนี้อาจารย์เน้นให้ทุกคนนั่งในท่าที่สง่าและถูกต้อง โดยสำหรับคนที่ยังนั่งขัดสมาธิเพชรไม่ได้ อาจารย์สอนท่านั่งท่าใหม่คือ ท่าสิทธะอาสนะ ส้นเท้าขวาสัมผัสที่บริเวณอวัยวะเพศอย่างอ่อนนุ่ม วางขาซ้ายทับขาขวาแต่ให้เท้าซ้ายเข้าไปอยู่ในซอกข้อพับของขาขวา ยืดตัวให้ตรง กระตุ้นจักระ แขม่วท้อง 108 ครั้ง
หายใจเข้าครั้งที่ 1 ลมหายใจเข้าทางรูจมูกด้านซ้าย ขมิบก้นให้ความรู้สึกว่ามีพลังเคลื่อนจากล่างขึ้นบน จังหวะหายใจออก ออกทางรูจมูกด้านขวา รูปแบบก่อนเคลื่อนลมจะเป็นลักษณะวงกลม เข้าซ้ายลงล่าง ขึ้นบนออกขวา
หายใจเข้าครั้งที่ 2 ลมหายใจเข้าทางรูจมูกด้านขวา รูปแบบการเคลื่อนพลังเหมือนเดิม จบที่หายใจออกด้านซ้าย
หายใจทั้งหมด 9 ครั้ง แต่ในครั้งที่ 9 จังหวะก่อนที่จะปล่อยลมหายใจให้กักลม และจินตนาการวาดสัญลักษณ์ โอม ตำแหน่งกลางหน้าผากบริเวณจักระ 6 เมื่อวาดเสร็จปล่อยลมหายใจออกรูจมูกทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน
“การจะเปิดจักระ สำคัญต้องเริ่มจากชำระจักระที่ 6 เสียก่อน ในช่วงเริ่มแรกผู้รู้เท่าไม่ถึงการบางคนฝึกสะสมเค้นพลังจากจักระที่ 2 และ 3 บริเวณท้องน้อยก่อนนั้น จะส่งผลให้พลังสะสมที่มีทั้งดีและไม่ดีถูกปลดปล่อยออกมา หากไม่ได้รับการควบคุมจะส่งผลร้ายและเป็นอันตรายต่อผู้ฝึกมาก เหมือนที่มีคนพูดว่า ลมปราณแตกซ่าน”
ครั้งต่อไป กิจกรรมชมรมมังกรธรรมครั้งที่ 12
จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 28 กรกฏาคม 2555 เวลา 07.00น.-11.00น.