Beauty and the Beast
โดย ชวินทร์ ลีนะบรรจง และ สุวินัย ภรณวลัย
15 มกราคม 2557
“ดิฉันไม่ได้อยู่เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมือง แต่อยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตย
เพราะประชาธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยทุกคน”
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ในเรื่องความรู้ความสามารถของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ผู้นี้คงไม่ต้องการข้อพิสูจน์อีกต่อไปก็คงสรุปได้จากข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาว่ามีหรือไม่สำหรับผู้ที่จะมาเป็นผู้นำของประเทศ
แต่ในเรื่องหัวจิตหัวใจความตั้งใจดีต่อประเทศที่เธอผู้นี้ได้ขออาสา เข้ามาทำงานเพื่อประชาชนนั้น หากเป็นเมื่อก่อนเลือกตั้งก็คงจะสรุปได้ยาก
แต่มาบัดนี้เมื่อเธอก้าวข้ามเส้นแบ่งแดนระหว่างความดีความชั่วอย่าง ไม่มีวันหวนกลับเมื่อ 13 ม.ค. 57 ที่ผ่านมาก็คงจะชัดเจนจากการกระทำของเธอเช่นกันว่า ยิ่งลักษณ์ ยังคงยืนเด่น และท้าทาย? หรือเป็น นารีขี่ม้าขาว? เหมือนอย่างที่สื่อในยุคเป็นไข้อย่างมติชนยกก้นเชียร์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูหรือไม่
ก่อนเลือกตั้งเธอผู้นี้ไม่ยอมตอบคำถามเพื่อแสดงจุดยืนอย่างเป็นกิจ ลักษณะสักครั้งเลยว่า หากได้รับตำแหน่งแล้วจะใช้อำนาจช่วยเหลือพี่ชายของตนเองหรือไม่ แต่แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เธอมีพฤติกรรมที่โกหกได้แม้กระทั่งในศาลจากกรณีการ อ้างตนเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ป
ทั้งที่เธอต้องกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนต่อองค์พระประมุขก่อนเข้ารับ ตำแหน่งว่าจะรักษาและปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์สุขของ ประชาชน แต่พฤติกรรมของเธอและพรรคที่สนับสนุนตัวเธอเมื่อได้เข้าสู่อำนาจทางการ เมืองกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม
ข้อเท็จจริงที่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการตระบัดสัตย์ที่ชัดเจนก็คือ เมื่อมีการเสนอและผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม โดยที่เธออ้างอยู่ตลอดเวลาที่มีการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายนี้ว่าเป็น เรื่องของสภาฯ ที่พรรคของเธอเป็นเสียงข้างมาก
แต่เมื่อถูกประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงด้วยมวลมหาประชาชนนับแสนนับ ล้าน ยิ่งลักษณ์ผู้อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับมีความสามารถบังคับให้เสียง ส่วนใหญ่ของวุฒิสภาลงมติคว่ำและถอนกฎหมายฉบับนี้กลับคืนมาจากการทูลเกล้าฯ ได้
เช่นเดียวกันกับกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. และ มาตรา 190 เกี่ยวกับการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศโดยไม่ผ่านสภาฯ ที่ล้วนต้องถอนและยกเลิกไปในเวลาต่อมา มิใช่เพราะเธอมีดวงตาเห็นธรรม หากแต่เป็นเพราะถูกกดดันจากมวลมหาประชาชนนับล้านต่างหากที่ไม่เห็นด้วยกับ การกระทำของเธอ
การประกาศยุบสภาเมื่อ 9 ธ.ค. 56 จึงทำไปเมื่อเธอรับรู้ด้วยตา 2 ข้างของเธอเองว่ามีประชาชนมากเพียงใดที่ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการกระทำ เช่นนี้ของเธอ
สิ่งที่เธอได้พูดไปก่อนหน้านี้กับการกระทำในภายหลังนั้นมันขัดแย้ง กันโดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าพูดอย่างทำอย่างและเป็นการกระทำที่มิใช่เพื่อผลประโยชน์ของ ประชาชนที่เธอเคยให้คำสัตย์เอาไว้โดยแท้
ในอีกด้านหนึ่ง การปรากฏตัวของ กปปส.และมวลมหาประชาชนที่ในเบื้องต้นสังคมต่างกังวลว่าจะเป็น นปช. 2 ที่จะเข้ามาก่อความเสียหายให้กับบ้านเมืองอีกครั้ง
หากมิได้มีความมุ่งมั่นของแกนนำและผู้เข้าร่วมที่จะชุมนุมโดย สงบอหิงสาโดยใช้หลักการของอารยะขัดขืนแล้ว สังคมก็พึงตระหนักได้จากพฤติกรรมในหลายๆ ประเทศที่มีคนเข้าร่วมชุมนุมน้อยกว่านี้มากได้ว่าบ้านเมืองจะมีโอกาสโกลาหล เข้าสู่กลียุคได้มากน้อยเพียงใด
แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นไปในทาง ตรงกันข้ามกับการคาดหวัง แม้แต่ศาลก็ยังเห็นได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบที่รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจ ประชาชนที่จะสามารถทำได้
เช่นเดียวกับผู้นำมวลมหาประชาชนในครั้งนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตกำนันจากท่าสะท้อน อดีตนักการเมืองผู้คร่ำหวอดช่ำชองทั้งใต้โต๊ะและบนโต๊ะกว่า 35 ปี จะเชื่อหรือว่าผู้มีรูปลักษณ์ดุจดังจรกาและมีอดีตสีเทาเช่นที่กล่าวมานี้จะ ก้าวมาเป็นแกนนำและเลขา กปปส.ผู้สามารถรวบรวมผู้คนเข้ามาร่วมอุดมการณ์ที่นำประเทศก้าวไปข้างหน้า เป็นมวลมหาประชาชนเรือนล้านเพื่อก่อการประชาภิวัฒน์ได้สำเร็จเป็นประวัติ ศาสตร์ที่ยากที่จะหาอะไรมาเทียบเคียงได้ในอนาคตอีกนาน
อะไรที่ไม่เคยเกิดกลับเกิดให้เห็นเสียแล้ว บุรุษผู้มีอดีตสีเทาตัวดำกลับประพฤติปฏิบัติให้มวลมหาประชาชนนับล้านศรัทธา เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับ กปปส.ที่ตนเองเป็นเลขา
ในทางตรงกันข้ามโฉมงามเช่นยิ่งลักษณ์ ในนาทีนี้ไม่สามารถเป็นนารีขี่ม้าขาวยืนเด่นอย่างท้าทาย คนที่เชื่อสิ่งที่เธอพูดกลับเหลือเพียงหยิบมือเดียวและกำลังน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อรับรู้ความจริงที่ปรากฏในสังคมในปัจจุบัน
เหตุก็เพราะความกลับกรอก พูดอย่างทำอย่าง โกหกปลิ้นปล้อนไปวันๆ ที่สำคัญก็คือการมุ่งกระทำเพื่อประโยชน์ของพี่ชายวงศ์วานว่านเครือมากกว่าผล ประโยชน์ของประชาชนชาวไทยที่เธอได้ให้คำสัตย์เอาไว้
การไม่ยอมลาออก ไม่ยอมรับความผิดพลาดที่ได้ทำมา ทำทุกอย่างอย่างสิ้นคิดเพียงเพื่อให้ตนเองสามารถอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไป ทำตนเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปจึงเป็นข้อพิสูจน์ความ “ใจดำ” อำมหิตของเธอโดยแท้เพราะการลาออกเป็นสิทธิเฉพาะตัวเฉกเช่น พระจะสึก หรือลูกจะออก ใครก็ห้ามไม่ได้
ยิ่งลาออกจากตำแหน่งที่ตนเองอาสามาเพื่อให้บ้านเมืองก้าวเดินต่อไป ได้จะหนักหนาอะไรหากไม่คิดยึดกับตำแหน่งและอำนาจตามที่ปากพร่ำบอก
รู้แล้วหรือยังว่าระหว่างตัวแทนระบอบทักษิณโดยยิ่งลักษณ์กับ สุเทพและมวลมหาประชาชนใครกันแน่ที่เป็นโฉมงาม หรือ Beauty ใครกันแน่ที่เป็นอสูรร้าย หรือ Beast