หน้าต่างประวัติศาสตร์กำลังจะปิด
โดย ชวินทร์ ลีนะบรรจง และ สุวินัย ภรณวลัย
26 กุมภาพันธ์ 2557
กระบี่วิเศษอยู่ในมือคนโง่คนขลาดก็เป็นแค่ดุ้นฟืน
เมื่อกระบี่อยู่ในใจ กิ่งไม้ก็กลายเป็นกระบี่วิเศษได้
ความวิบัติย่อยยับทางเศรษฐกิจกำลังก่อตัวขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จากการอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ของยิ่งลักษณ์ ที่หาใช่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ แต่หากเป็นการเกาะเก้าอี้เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองอย่างสิ้นหวังโดยแท้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ปรากฏในปีที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบันเป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดีหากปล่อยให้ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่ง ต่อไป ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือชาวนาที่ไม่ได้รับเงินค่าข้าว 1.3 แสนล้านบาทมิใช่กระทบต่อชาวนาแต่เพียงลำพังแต่หากส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึง ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ลมใต้ปีกผีเสื้อจากหนี้ครัวเรือนกำลังจะกลายเป็นพายุ NPL ในภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โหมกระหน่ำเศรษฐกิจไทยตามมา
รัฐบาลยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณอาศัยเสื้อคลุมประชาธิปไตยเข้าสู่ ตำแหน่งโดยการเลือกตั้งแต่เพียงประการเดียว แต่พฤติกรรมอื่นๆ หลังเลือกตั้งแล้วหาได้มีความเป็นประชาธิปไตยแต่อย่างใดไม่ โดยแท้จริงแล้วคณาธิปไตยหรือเผด็จการเสียงข้างมากที่อาศัยระบบรัฐสภาจึงน่า จะเป็นชื่อเรียกที่เหมาะสมกว่า
นักวิชาการแดง เช่น นิธิ และสื่อฯ ที่ทำตนเป็นกระบอกเสียง เช่น มติชน ข่าวสด หรือฟรีทีวีทั้งหลายจึงโหมกระพือเอายาพิษมามอมเมาประชาชนว่าการเลือกตั้งคือ ประชาธิปไตย อะไรที่ไม่ใช่เลือกตั้งโดยประชาชน เช่น การสรรหา แต่งตั้ง ล้วนไม่ใช่ประชาธิปไตย การรักษาประชาธิปไตยเอาไว้คือต้องให้มีการเลือกตั้ง หาได้พิจารณาให้ไกลกว่านี้ไม่ ในขณะที่สร้างภาพทหารและกองทัพว่าเป็นอุปสรรคของประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยและเผด็จการต่างก็สามารถมีการเลือกตั้งโดยประชาชนได้ เหมือนกัน เยอรมนีในยุคนาซี หรือเกาหลีเหนือในยุคปัจจุบัน เป็นตัวอย่างที่ดีเพราะผู้ปกครองต่างอ้างว่าตนเองเข้าสู่อำนาจจากการเลือก ตั้ง
แต่นักวิชาการบางคนและสื่อฯ บางส่วนไม่บอกกับประชาชนว่า “ยาแก้” เผด็จการและการสร้างประชาธิปไตยที่ดีที่สุดคือกองทัพ
หากจะใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ มิใช่แต่เพียงความเชื่อ มีประเทศประชาธิปไตยในโลกประเทศใดบ้างที่ไม่ได้ถือกำเนิดมาจากการปฏิวัติโดย ทหาร
หากจอร์จ วอชิงตันผู้นำกองทัพปฏิวัติอเมริกันไม่ปฏิวัติต่ออังกฤษและอาศัยความเป็นผู้ นำทางทหารนำกองทัพเข้ามาค้ำจุนรวบรวมรัฐอาณานิคมที่แตกแยกให้เป็นปึกแผ่น สหรัฐฯ จะมีประชาธิปไตยดังเช่นในวันนี้ได้อย่างไร
ที่แตกต่างก็คือการปฏิวัติรัฐประหารของไทยที่มีมาตั้งแต่ในอดีตล้วน กระทำเพื่ออำนาจของกลุ่มบุคคลหาใช่เพื่อประชาชนแต่อย่างใดไม่ ผู้นำการปฏิวัติไทยจึงมิได้กลับไปทำไร่ไถนาหลังเสร็จสิ้นภารกิจเหมือนจอร์จ วอชิงตันทำหลังจากการปฏิวัติ บิดาหรือวีรบุรุษของชาติจึงถือกำเนิดได้ด้วยเหตุนี้
หากฝ่ายสัมพันธมิตรโดยสหรัฐฯ ไม่ใช้กฎหมายพิเศษด้วยอำนาจของผู้ชนะตั้งศาลของตนเองเพื่อพิจารณาโทษคนใน ระบอบนาซี เผด็จการรัฐสภานาซีจะถูกขจัดออกไปจากเยอรมนีได้หรือ สิ่งที่ฮิตเลอร์และระบอบนาซีทำไม่ว่าจะเป็นการก่อสงครามหรือฆ่าล้างเผ่า พันธุ์ชาวยิวนั้นล้วนถูกต้องตามกฎหมายเยอรมนีทุกอย่าง หากปราศจากกองทัพต่างชาติประชาธิปไตยในเยอรมนีจะไม่มีวันเกิดมาถึงปัจจุบัน ได้ ประชาธิปไตยในญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ร่างและบังคับใช้โดยกองกำลังต่างชาติ ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าจะรับหรือไม่
ทหารและกองทัพจึงมิใช่อุปสรรคของประชาธิปไตยตามที่นักวิชาการหรือ สื่อฯ บางส่วนพยายามจะสร้างภาพป้ายสีให้เป็น แต่ที่ทำก็เพราะเผด็จการนั้นแพ้อำนาจจากกองทัพต่างหากจึงต้องทำให้กองทัพ ต้องถอยห่างจากตนเองโดยการสร้างวาทกรรมจอมปลอมเช่นนี้ขึ้นมา
ด้วยสถานการณ์เป็นกบฏต่อรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยและกบฏแบ่งแยกดิน แดนของ นปช.ซึ่งต่างก็เป็นแขนขาของระบอบทักษิณที่แสดงออกในปัจจุบัน การสนองตอบต่อเหตุการณ์ที่ปรากฏจึงสะท้อนถึงตัวตนของผู้นำทหารไทย
ผู้นำทหารไทยอาจจะกล่าวปฏิเสธเพื่อแสดงว่าไม่ได้ถูก “ซื้อ” ตามหลักฐานที่ปรากฏต่อสาธารณชนโดยคลิป “ถั่งเช่า” แต่การกระทำนั้นดังกว่าคำพูด การนิ่งเฉยดูดายคือการยอมรับ
ระบอบทักษิณกำลังล่มสลายในทุกแนวรบ ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้อำนาจรัฐ การใช้มวลชน ความชอบธรรมทางกฎหมายและการเมือง หรือแม้แต่อำนาจนอกกฎหมายใต้ดิน
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงเป็นปรากฏการณ์ของปลาดิ้นอย่างสุดฤทธิ์ในแห อวน เป็นวาระสุดท้ายก่อนจะถูกจับนำขึ้นจากน้ำไปต้มแกง วิบัติทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศนั้นมีมากพอแล้ว แต่ที่สำคัญกว่าก็คือไม่จำเป็นต้องมีใครเจ็บตายจากล่มสลายดิ้นรนของระบอบ ทักษิณอีกต่อไป
ที่ผ่านมา ผู้นำทหารเลือกข้างให้กองทัพอยู่เฉยไม่ทำอะไร เลือกอยู่ (เฉย) ข้างที่ไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้เช่นประเทศไทยซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็เท่ากับ ว่าอยู่ข้างระบอบปัจจุบัน แต่มันสอดคล้องกับสถานการณ์มะม่วงกำลังจะหล่นในปัจจุบันหรือไม่?
หรือเลือกที่จะเป็น “ตาอยู่” ให้ฆ่ากันไปจนกว่าจะอ่อนแรงแล้วค่อยฉวยโอกาสก็ย่อมทำได้อีกเช่นกัน แต่ทางเลือกนี้ก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะถูกคิดบัญชีจากทั้งสองฝ่ายหรือจากสี เดียวกันในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำพูดเป็นนายว่า “หากมีคนเจ็บตายรัฐบาล (ยิ่งลักษณ์) ต้องรับผิดชอบ”
หากตัวตนที่แท้จริงของผู้นำทหารเป็นนักฉวยโอกาสเหมือนอย่างที่หลัก ฐานเชิงประจักษ์ชี้ให้เห็น มะม่วงยิ่งลักษณ์ผลนี้จึงแก่จัดและกำลังจะต้องร่วงในไม่ช้า หากท่านไม่ฉวยโอกาสนาทีทองนี้ หน้าต่างประวัติศาสตร์ที่กำลังจะปิดตัวของมันอยู่ในขณะนี้ก็จะปิดโอกาสของ ท่านและบทบาทของสถาบันทหารไปตลอดกาล
อย่าให้คนสีเดียวกันหรือคนรอบข้างก่นด่าว่า “โง่” จริงมิใช่แกล้งเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ ไม่รู้จักฉวยโอกาสทั้งๆ ที่ตนเองทำมาโดยตลอดจนถึงเวลานี้ สถานการณ์วีรบุรุษอยู่ใกล้แค่เอื้อมถึง สำคัญว่าจะเลือกหยิบหรือไม่
โปรดฟังอีกครั้ง หน้าต่างประวัติศาสตร์กำลังจะปิด