ยอดคนมหาโยคะ Ultimate Yoga
ชื่อหนังสือ - ยอดคนมหาโยคะ Ultimate Yoga
จำนวน - 432 หน้า
เนื้อใน - ขาวดำ
เดือนปีที่พิมพ์ - มีนาคม 2550
สำนักพิมพ์ - มังกรบูรณา
ราคา - 260 บาท
รายละเอียด
ผมกำลังเดินอยู่บนถนนสายหนึ่ง จำได้คับคล้ายคับคลาว่านี่คือ เส้นทางอันทอดยาวจากบ้านตนเองไปสู่ท้องถนนใหญ่
ในขณะที่เท้าก้าวเดินอยู่นั้นผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ากำลังจะ เดินทางไปยังสถานที่ใด หรือมีวัตถุประสงค์ใดจึงต้องออกเดินทาง มีเพียงแต่สอง เท้าที่ย่ำเดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย
เดินไปได้สักพักหนึ่งผมก็เริ่มรู้สึกสับสน เหตุใดตนเองจึงต้องเดิน ต่อไปข้างหน้า ทั้งๆ ที่ไม่ทราบว่าจะเดินไปเพื่ออะไร
ในที่สุดผมจึงต้องการที่จะหยุดเดิน แต่ก็เกิดเหตุการณ์อันแปลก ประหลาดที่ว่า ร่างกายกลับมิได้ปฏิบัติตาม ทั้งสองขากลับก้าวเดินต่อไปเหมือน เช่นเดิม สร้างความคับข้องใจแก่ผมยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
เมื่อไม่สามารถทานทนกับสภาวะเช่นนี้ได้ ผมจึงเริ่มต่อสู้กับร่างกาย ของตนเองโดยพยายามเร่งเร้าพลังใจบังคับร่างกายถึงที่สุด
ความรู้สึกสว่างวูบขึ้นมา ผมพบว่ากำลังอยู่บนเตียงในห้องนอนของ ตนเอง ที่แท้สิ่งที่เกิดขึ้นมาเมื่อสักครู่เป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น
ความโล่งใจเข้ามาแทนที่ ในขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากที่นอน พลัน เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีกครั้ง
ผมไม่สามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้ !!
สิ่งแรกที่คิดในใจขณะนั้นก็คือ ทำอย่างไรตนเองจึงจะลุกขึ้นมาได้ อย่าว่าแต่จะประคองตัวขึ้นมานั่งเลย แม้แต่แขนทั้งสองข้างผมก็ไม่สามารถขยับได้ เหตุใดร่างกายของผมจึงไม่ยินยอมรับฟังคำสั่งจากตัวผม นี่ย่อมไม่แตกต่างจาก ความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่แต่อย่างใด เพียงแต่ว่ากลับตาลปัตรกันเท่านั้น
ในขณะที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้น ความรู้สึกหนึ่งก็บังเกิด ขึ้นที่ดวงตาทั้งสองข้าง ผมมีความรู้สึกว่าเปลือกตาทั้งสองยังคงปิดสนิทคล้ายคน ที่กำลังหลับตาอยู่ แต่เหตุใดผมจึงมองเห็นเหมือนกับในขณะที่กำลังลืมตา
แสงสว่างวูบขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมรู้สึกว่าตนเองกำลังกระทำอะไร หลายๆ อย่าง แต่พอจะมีสติเข้าไปรับรู้ว่าเป็นสิ่งใดก็เกิดแสงสว่างวูบขึ้นมาและตัวผม ก็เปลี่ยนไปกระทำอีกอย่างหนึ่ง วนซ้ำไปมาเช่นนี้จนไม่สามารถนับได้ว่าเกิดขึ้นมาก มายกี่ครั้งและตนเองกำลังทำอันใดอยู่บ้าง
สิ่งเดียวในห้วงขณะชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและมาก มายจนไม่อาจจะนับได้ก็คือ จะทำเช่นไรผมจึงจะพ้นไปจากสภาวะเช่นนี้ได้ เพราะว่า ความรู้สึกเช่นนี้เคี่ยวกรำทรมานผู้คนให้เกิดความทุรนทุรายเป็นยิ่งนัก
แสงสว่างวูบขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะนี้ผมกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารูป ขนาดใหญ่ของท่าน ไส บาบา ผู้ซึ่งชาวโลกยกย่องว่าเป็นองค์คุรุเทพที่อวตารลงมา เกิดเป็นบุรุษชาวอินเดีย ไม่ต่างกับการที่ “บุคคลิกภาพสูงสุดของพระเจ้า” อวตารลง มาเป็นพระกฤษณะในเรื่องมหาภารตะยุทธ์ ส่วนทางซ้ายมือของผมยังมีอาจารย์ สุวินัยยืนเอามือวางอยู่บนหัวไหล่ด้านซ้ายของผม
“เป็นยังไงล่ะ!! คราวนี้รู้ซึ้งหรือยัง ยังไม่กล่าวขอบคุณอีกหรือที่ คุณได้มีประสบการณ์แบบนี้” เสียงที่อ่อนโยนของอาจารย์สุวินัยดังขึ้น
ผมก้มลงเอาฝ่ามือทั้งสองข้างและหน้าผากแตะไปที่พื้น กล่าวกับรูป ท่าน ไส บาบา ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า ผมรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจมากที่ได้พบ กับประสบการณ์เช่นนี้ นี่ย่อมคล้ายกับการจำลองแบบวัฏสงสารของชีวิต คนเรา มีกำเนิดและตายจากวนไปมาไม่รู้จักจบสิ้น หากไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้ตนเองอยู่ใน สภาวะใดสภาวะหนึ่งมาก่อนย่อมไม่เกิดความหวาดกลัวในภัยวัฏสงสาร เพราะย่อม ไม่รู้ไม่เห็น แต่เมื่อรู้เมื่อเห็นแล้วย่อมเกิดความหวาดกลัวเข็ดขยาด ต้องการออกไป ให้พ้นเสียจากวงจรอันน่าสะพรึงกลัวนี้
อาจารย์สุวินัยเดินไปหยิบก้อนหินขนาดเท่าฟองไข่ไก่ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง หินก้อนนี้มีสีดำขลับเป็นมันเงาคล้ายอัญมณีแล้วนำมาแตะตรงที่ขมับข้างซ้ายของผม พร้อมกับอธิบายว่า
“หินก้อนนี้เป็นธาตุกายสิทธิ์ มันจะช่วยให้คุณมีความก้าวหน้าในการ ปฏิบัติ แต่นี่เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น ส่วนในขั้นต่อไปจะต้องใช้ธาตุกายสิทธิ์อีกก้อน เพื่อ...”
ยังไม่ทันที่อาจารย์สุวินัยจะกล่าวจบประโยค ความรู้สึกสว่างวูบขึ้นมา อีกครั้ง คราวนี้ผมลืมตาขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่บนเตียงนอน ลมหายใจเปลี่ยนเป็น จังหวะกระชั้นถี่ และกำลังยกแขนสองข้างบิดขี้เกียจคราหนึ่ง
ผมกลับมาสู่ความ เป็นจริงได้แล้ว!!
ปวงปราชญ์โบราณมักกล่าวอยู่เสมอว่าชีวิตคนเราคล้ายกับความฝัน ตื่นหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เข้าถึงสัจธรรมอันจริงแท้แล้ว โลกแห่งความฝันและโลกแห่ง ความเป็นจริงในความเข้าใจของผู้คนไยมิใช่สิ่งเดียวกัน เพราะโลกทั้งสองล้วนเกิด ขึ้นประจักษ์แจ้งอยู่ภายในของมนุษย์ทุกผู้คน
หลายวันต่อมาผมได้เล่าความฝันที่เกิดขึ้นให้กับอาจารย์สุวินัยฟัง ท่านให้ความเห็นว่า ความฝันเช่นนี้มิใช่ความฝันธรรมดาทั่วไปแต่มีนัยความหมาย ที่สำคัญบางประการ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังสือเล่มนี้ก็เป็นได้
ผมยอมรับว่าตนเองไม่ได้คิดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวิชาโยคะมา ก่อน เพราะในขณะนั้นผมกำลังวุ่นวายกับการเตรียมจัดทำหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ส่วน ต้นฉบับของหนังสือ “ยอดคนมหาโยคะ Ultimate Yoga” เล่มนี้ในขณะนั้น ยังอยู่ในระหว่างการจัดทำและยังไม่ได้ส่งมาถึงมือผม ซึ่งในความเป็นจริงผมได้รับ ต้นฉบับหนังสือเล่มนี้ก็อีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ดังนั้นความฝันที่เกิดขึ้นจึงมาคล้อง จองกันอย่างลงตัว
คล้ายเป็นความบังเอิญ แต่ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ
อาจารย์สุวินัยยังบอกอีกว่า ธาตุกายสิทธิ์ที่นำมาแตะตรงขมับใน ความฝันนั้นอาจมีความหมายถึงมุมมองแบบบูรณาการซึ่งหมายความว่า แนวทาง การพัฒนายกระดับจิตวิญญาณของมนุษย์ยังต้องอาศัยการพัฒนาทางด้านความ คิดสติปัญญา และไม่ควรยึดติดตายตัวที่จะใช้เพียงหลักความคิดใดความคิดหนึ่ง แต่ควรจะนำทุกๆ องค์ความรู้เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยไม่ปฏิเสธ หากแต่ยอม รับในข้อจำกัดและความเป็นจริงขององค์ความรู้นั้น ซึ่งเหล่าบุคคลผู้ฝึกฝนพัฒนา ศักยภาพตนเองให้ไปถึงความเป็นที่สุดนั้นก็ถือว่า ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในเส้นทางแห่ง “โยคะวิถี” แล้ว
นอกจากนี้ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ มนุษย์เราจะสามารถพัฒนา ศักยภาพทางจิตวิญญาณได้ยังต้องอาศัยพลังงานจากภายนอกเข้ามากระทำด้วย
ในคำสอนแบบวิชาโยคะโบราณย่อมหมายถึง “การลงมาของ พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์”
“พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์” นี้มีกล่าวอยู่ในทุกคำสอนศาสนา สุดแท้ แต่ละศาสนาจะเรียกว่าอะไร หากจะกล่าวในเชิงบูรณาการ ในศาสนาที่มี “พระเจ้า” เป็นสิ่งสูงสุด “พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์” นั้นก็คือการแสดงออกของ “พระเจ้า” หรือ ในศาสนาพุทธการเจริญวิปัสสนายังอาศัยการพิจารณาสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบกับ อายตนะแล้วมารับรู้ที่ใจ ก็นับว่าเป็นลักษณะของพลังงานจากเบื้องนอกเข้ามากระทำ ต่อผู้ฝึกฝนเช่นกัน หรือในคำสอนแบบเซนบางนิกาย “พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์” นั้น หมายถึงพลังงานที่แผ่ออกมาจากพระโพธิสัตว์นั่นเอง
มีผู้คนไม่น้อยเข้าใจว่า “วิชาโยคะ” ก็คือศาสตร์แขนงหนึ่งอันมีต้น กำเนิดมาจากประเทศอินเดีย กลิ่นอายของอารยธรรมแดนภารตะย่อมไม่อาจแยก ออกจากวิชาโยคะในความรู้สึกของคนทั่วไปได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว “วิชาโยคะ” นั้นย่อมหมายถึงวิชาของ “ผู้บำเพ็ญ” ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมาจากเชื้อชาติและอารยธรรม ความเชื่อใดก็ตาม ดังนี้แล้ว พระสงฆ์ในศาสนาพุทธ นักบุญในศาสนาคริสต์ หรือ นักพรตฝ่ายเต๋า ก็ล้วนแล้วแต่เป็น “โยคี” ผู้ฝึกฝนตนเพื่อเข้าถึง “สภาวะอันสูงสุด” ด้วยกันทั้งสิ้น
ด้วยมุมมองที่บูรณาการเช่นนี้ “วิชาโยคะ” จึงเท่ากับเป็นสมบัติของ มวลมนุษย์ชาติ และมิได้ถูกจำกัดว่าเป็นของหลักลัทธิศาสนาอันใดอันหนึ่ง
เช่นเดียวกับคำว่า “พระเจ้า” ในสายตาแบบบูรณาการ ย่อมมิได้ หมายถึงบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด หากแต่หมายถึง “สิ่งสูงสุด” หรือ “สภาวะอันประเสริฐที่สุด” เท่าที่สิ่งมีชีวิตจะสามารถเข้าถึงได้
ถึงอย่างไรสภาวะเช่นนั้นย่อมมิอาจได้มาด้วยการกราบไหว้เคารพ บูชาเพียงส่วนเดียว มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กราบไหว้พระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อ ขอพรให้ตนเองประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา แต่จะมีสักกี่คนกันเล่าที่กราบไหว้ พระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงเพื่อที่จะเข้าถึงสภาวะสูงสุดเช่นนั้น?
กล่าวอย่างถึงที่สุดการกราบไหว้บูชาของพวกเขาจึงมิใช่การ “ร้องขอ” ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อ “รอรับ” หากแต่เป็นวิธีในการ “เดินทาง” ของเหล่าผู้บำเพ็ญ เพื่อไปให้ถึง “จุดหมาย” ต่างหาก
หนังสือ “ยอดคนมหาโยคะ Ultimate Yoga” เล่มนี้ได้ตีพิมพ์ ออกมาในชุดหนังสือซีรี่ส์ยอดคนเป็นอันดับที่สี่แล้ว และยังคงกล่าวถึงวิถีทางที่มนุษย์ จะสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองทั้งทางกาย ใจ และจิตวิญญาณเหมือนเช่น เดิม
เนื้อหาของหนังสือแบ่งออกเป็น 2 ภาค ล้วนเรียบเรียงมาจากงาน เขียนต่างๆ ของอาจารย์สุวินัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องวิชาโยคะโดยเฉพาะ ในภาคแรก มุ่งกล่าวถึงเรื่องราวชีวประวัติของมหาโยคีหลายท่าน ส่วนในภาคหลังกล่าวถึงวิชา โยคะแบบต่างๆ ตลอดจนคัมภีร์โยคะโบราณจำนวนมาก ซึ่งในประเทศไทยถือว่า หาได้ยากยิ่งที่จะมีผู้นำคัมภีร์เหล่านี้มาเรียบเรียงเป็นภาษาไทย โดยอาจารย์สุวินัย ได้คัดสรรคัมภีร์ที่มีใจความสำคัญต่อการพัฒนากาย ใจ และจิตวิญญาณจำนวน หนึ่งมานำเสนอต่อท่านผู้อ่าน ทำให้หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาโยคะครอบ คลุมทุกมิตินับตั้งแต่แนวคิดเบื้องต้นจนกระทั่งในระดับที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้น
อาจารย์สุวินัยเคยกล่าวว่า ผู้ที่สนใจวิชาโยคะย่อมเท่ากับว่า คนผู้นั้น ได้รับพรอันประเสริฐที่สุดแล้ว ไม่ว่าท่านจะสนใจโยคะในระดับใดก็ตาม จะเพียงเพื่อ ด้านสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อการผ่อนคลายจิตใจ หรือเพื่อการพัฒนา จิตวิญญาณ แต่ว่าจงอย่าหยุดยั้งอยู่เพียงเท่านี้ เพราะวิชาโยคะมีศักยภาพที่สูงยิ่งไป กว่านั้นและมากพอที่จะนำพามนุษย์ไปไกลเท่ากับที่ใจของผู้คนจะคิดได้ เปรียบ เหมือนการที่มีเครื่องซูปเปอร์คอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่ง หากแต่ผู้เป็นเจ้าของกลับ ใช้เพียงแค่สำหรับงานพิมพ์ดีดเท่านั้น ศักยภาพที่สูงยิ่งไปกว่านั้นก็จะมิได้ถูกนำมา ใช้งาน
สายน้ำย่อมไหลออกสู่ทะเลมหาสมุทรฉันใด ถึงที่สุดแล้วไม่ว่าคำสอน โยคะของเหล่ามหาโยคีที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนี้จะมีมากมายจนนับไม่ถ้วน หรือ วิธีการปฏิบัติโยคะจะมีมากมายนับพันนับหมื่นวิถีก็ตาม แต่เส้นทางของเหล่าโยคี และโยคินีก็จะยังคงมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกันเสมอ คือเพื่อเข้าถึงสภาวะอันสูงสุด ของ “สิ่งนั้น” ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะเหตุที่ว่า “สิ่งนั้น” ย่อมเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ของทุกสรรพสิ่งในห้วงจักรวาลนี้ ดุจเดียวกับพื้นที่สูงสุด ณ ยอดเขาหิมาลัย ลงมาถึง เมล็ดทรายในมหาคงคานที ย่อมหามีความแตกต่างกันไม่
สำนักพิมพ์มังกรบูรณาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือ “ยอดคน มหาโยคะ Ultimate Yoga” ที่อยู่ในมือของท่านนี้จะเป็นเสมือนแผนที่นำทางให้ แก่ผู้ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเองในทุกๆ ด้านของชีวิตให้ไปสู่จุดหมายที่ ต้องการได้ เหลือเพียงแค่การลงมือก้าวเดินไปเท่านั้น
สองขาที่ย่ำเดินไปข้างหน้าย่อมมิต้องหยุดพักอีกต่อไปเพราะในตอนนี้ทราบแล้วว่ากำลังจะเดินไปยังที่ใด
ด้วยจิตคารวะ