สภาวะเหนือโลก (อทวิภาวะ)
ตั๊กม้อได้สอนศิษย์ของเขาว่า
สภาวะไร้ใจนี้มันดำรงอยู่ของมันมายาวนาน
จนหาจุดเริ่มต้นไม่ได้มันไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย
มันไม่เกิดไม่ดับไม่เพิ่มไม่ลดไม่ใช่ทั้งดีหรือเลว
ไม่ใช่ทั้งสะอาดหรือสกปรกไม่เป็นทั้งอดีตหรืออนาคต
ไม่เป็นทั้งจริงหรือปลอมไม่เป็นทั้งหญิงหรือชาย
ไม่ปรากฏเป็นนักบวชหรือฆราวาส
ไม่ปรากฏเป็นอริยะชนหรือโลกียชน
และไม่ปรากฏเป็นพุทธะหรือสรรพสัตว์
มันไม่เคยลำบากในการบรรลุ
และไม่ทุกข์ในปัจจัยอันเกิดจากเหตุจากผล
มันไม่มีรูปลักษณ์ใดๆเลยจับก็ไม่ได้ทิ้งก็ไม่ได้
จากคำสอนข้างต้นของตั๊กม้อจะเห็นได้ว่าการเข้าถึงสภาวะไร้ใจคือการเข้าถึงสภาวะที่ข้ามพ้นทวิภาวะอันเป็นสภาวะที่เหนือโลกธรรมะของพุทธะจึงสมควรเป็นธรรมะเพื่อการข้ามพ้นทวิภาวะหรือหลุดพ้นจากบ่วงความคิดแบบทวิคติอันเป็นมายานี้เท่านั้น
คำสอนแบบอทวิภาวะ (nondual) ซึ่งเป็นคำสอนของพุทธะเพื่อการอยู่เหนือโลกนี้จะต้องไม่มีการแบ่งแยกเพศชายเพศหญิงในธรรมชาติที่แท้ของพุทธะแม้จะมีการจำแนกเป็นเพศหญิงเพศชายจากกายสังขารนี้ก็ตามคำสอนที่ว่าชาตินี้เกิดมาเป็นเพศหญิงเพราะบารมีไม่ถึงหรือคำสอนที่ว่าเพศหญิงต่ำต้อยกว่าเพศชายในการบรรลุธรรมหรือในการเข้าถึงสภาวะที่ไร้ใจจึงเป็นคำสอนที่เหลวไหลเมื่อพิจารณาจากสายตาแบบเซน
ตั๊กม้อยังสอนศิษย์อีกว่า
สภาวะไร้ใจนี้มีฤทธานุภาพที่จะทะลุทะลวงภูเขาแห่ง
ขันธ์ 5 ข้ามพ้นมหาสมุทรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ไม่ว่ากรรมใดๆก็ไม่อาจหยุดยั้งได้
สภาวะไร้ใจนี้มองเห็นได้ยาก
ไม่ว่าใครๆต่างก็ปรารถนาที่จะได้เห็นสภาวะไร้ใจอันนี้
อันเป็นสภาวะแห่งการดำรงอยู่ที่แท้จริง
แต่ลองถามผู้คนเหล่านั้นดูสิว่า
มีใครแจ่มแจ้งในสิ่งนั้นได้บ้าง
โลกนี้ประกอบขึ้นมาจากธาตุทั้ง 5 คือดินน้ำลมไฟและอากาศร่างกายของคนเราก็เช่นกัน
สภาวะไร้ใจอันเป็นสภาวะแห่งการดำรงอยู่ที่แท้จริงอันเป็นสภาวะของพุทธะจึงย่อมมีอำนาจเหนือธาตุทั้ง 5 และเหนือธาตุทั้งหลายทั้งปวงในสากลจักรวาลเพราะมันไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากธาตุทั้ง 5 นี้ดังนั้นต่อให้ธาตุทั้ง 5 ประชุมรวมตัวกันจนสูงสุดดุจขุนเขาที่สูงเหยียดฟ้ามันก็หามีผลต่อสภาวะไร้ใจอันเป็นสภาวะที่อยู่เหนือโลกไม่
สภาวะไร้ใจจึงอยู่เหนือกฎแห่งกรรมทำให้ข้ามมหาสมุทรแห่งวัฏสงสารได้เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการกระทำใดการปฏิบัติใดที่จะมีความหมายมีสาระและให้ประโยชน์แก่คนเราเท่ากับการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสภาวะไร้ใจนี้อีกแล้วในสายตาของพุทธะหรือในสายตาของเซน
คำสอนเรื่องสภาวะไร้ใจของตั๊กม้อจึงถือว่าเป็นสุดยอดของคำสอนของเซนแล้วและวิวัฒนาการของเซนหลังจากนั้นล้วนแล้วแต่เป็นแค่เชิงอรรถของคำสอนเรื่องสภาวะไร้ใจของตั๊กม้ออันนี้ก็เห็นจะไม่ผิดนักเนื่องเพราะต่อให้ผู้นั้นไม่ว่าจะเป็นมหาบุรุษที่ยิ่งใหญ่เพียงไหนหรือมีความตระหนักรู้ในความเป็นพุทธะของตนเพียงใดก็ตามเขาย่อมไม่อาจยืนยงอยู่ค้ำฟ้าได้เขาจำเป็นต้องหาผู้สืบทอดมารับการถ่ายทอดพุทธธรรมอันลึกล้ำสุดหยั่งคาดนี้มิให้ขาดตอนหรือสาบสูญเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติรุ่นหลัง