จิตสำนึกแห่งทางเลือกในยุคทักษิณครองเมือง (31)
31. กรรมของทักษิณ กรรมของพวกเรา : เราจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของประเทศเราได้หรือไม่?
ชาติกำเนิดมิได้ทำให้คนเราสูงส่งหรือต่ำต้อย และคนที่สูงส่งหรือต่ำต้อยก็มิได้ถูกกำหนดโดยชาติกำเนิดด้วย แต่ กรรม หรือการกระทำของคนผู้นั้นต่างหากเล่าที่จะทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นคนสูงส่ง หรือคนต้อยต่ำก็ได้
กรรม ต่างหากที่จะทำให้คนคนนั้นกลายเป็นคนฉลาด หรือคนโง่เขลา
กรรม ต่างหากที่จะทำให้คนคนนั้น กลายเป็นผู้ที่คนอื่นยกย่องนับถือเลื่อมใสหรือเป็นที่เกลียดชังดูถูก
กรรม ต่างหากที่จะทำให้คนคนนั้น กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญาที่แท้จริงก็คือ ผู้ที่เข้าใจเรื่องกรรมและวิบากหรือผลของกรรมนั้นว่า โลกนี้ดำรงอยู่ได้ด้วยกรรม ชีวิตมนุษย์ทุกคนก็ดำรงอยู่เพราะกรรม ตัวกรรมนี้จะติดตามพวกเขาไปเหมือนกับล้อที่หมุนตามรถไปฉะนั้น
กล่าวในความหมายนี้ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการเปลี่ยนแปลงมนุษย์จึงแยกไม่ออกจากการเปลี่ยนแปลงกรรมของมนุษย์ จนแทบจะกล่าวได้ว่า หากสามารถเปลี่ยนแปลงกรรมได้ ก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมนุษย์ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม รวมทั้งโลกใบนี้ได้
ผู้คนส่วนใหญ่มักสนใจใคร่รู้อนาคตของตัวเอง แต่คนส่วนมากหารู้ไม่ว่า สิ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่าการรู้อนาคตของตัวเองจากหมอดูก็คือ การเปลี่ยนแปลงกรรม เพื่อก่อให้เกิด โชค และ ความสามารถอันประเสริฐ ที่จะไปกำหนดชีวิตของเขาอีกทีหนึ่ง
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ชีวิตของคนเรานั้น คือกระบวนการในการตัดสินใจเลือก ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดจนตาย คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ต้อง เลือก คือต้องตัดสินใจที่จะเลือกว่า จะเลือกอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน และอย่างไรอยู่ตลอดเวลา
สิ่งที่ก่อให้เกิดความแตกต่างในความสุข ความทุกข์ ในความสำเร็จ ความล้มเหลวของผู้คน จะว่าไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่า คนผู้นั้นจะเลือกเดินหนทางอย่างไร เมื่อถึงจุดที่เป็นทางแยกหรือหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต
ผู้ที่มีความสามารถในการเลือก ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองได้ในระดับหนึ่งด้วย โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีความสามารถในการเลือก นั้น จะสังเกตได้จาก คุณสมบัติ ต่างๆ ของคนผู้นั้น ซึ่งได้แก่
ความเป็นผู้มีวิริยะอุตสาหะพยายาม ความเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง
ความเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด และความเป็นผู้ที่สามารถ
เรียกโชคให้มาอยู่ข้างตัวเอง คือเป็นผู้ที่มี มงคล อยู่กับตัว
ส่วนคนที่ยอมจำนน งอมืองอเท้าโดยไม่ยอมเลือกอะไร ไม่ยอมลุกขึ้นมาทำอะไร จะว่าไปแล้วก็เป็นการเลือกชนิดหนึ่ง และเป็นกรรมอย่างหนึ่งของคนผู้นั้นด้วย
แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า ใน การเลือก นั้น ด้านหนึ่งก็หมายความว่าคนผู้นั้นก็เป็น ฝ่ายถูกเลือก ด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ถ้า คนผู้นั้น เลือกที่จะดำเนินชีวิตเป็น คนเลว คนโกงชาติ นั่นก็หมายความว่า มาร ซึ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของความชั่วความเลว ก็เป็นฝ่ายเลือกคนผู้นั้น หรือ คนผู้นั้นก็เป็นฝ่ายถูกเลือกจากมารด้วย เช่นกัน
จึงอาจกล่าวได้ว่า ไม่มี "ผู้นำ" คนไหนที่ปล้นชาติ ปล้นประชาชนด้วยความละโมบไม่รู้จักพอ ที่ไม่ถูกเลือกจาก มาร เนื่องเพราะ ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเลือกที่ดำเนินวิถีชีวิตแบบนั้นเอง ซึ่งก็เป็น กรรม ของ ตัวเขาเอง และเป็น กรรมของสังคมเรา ด้วยที่ปล่อยให้คนเช่นนั้นเถลิงอำนาจอยู่ได้
แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากเขาผู้นั้นเลือกที่จะดำเนินชีวิตที่จะเป็น คนของฟ้า" นั่นก็ย่อมหมายความว่า ฟ้า ซึ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของความจริง ความดี ความงาม ความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ก็เป็นฝ่ายเลือกเขาผู้นั้น หรือเขาก็เป็นฝ่ายถูกเลือกจากฟ้าด้วยเช่นกัน
คนเราเมื่อได้เลือกและถูกเลือกไปแล้ว จากนั้นกรรมก็จะทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ที่สุดตั้งแต่บัดเดี๋ยวนั้น จนกว่าจะเกิดเป็นวิบากเป็นผลของกรรมให้เห็นเป็นประจักษ์ในเวลาต่อมา ไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน
"ขาลง" ของ "ผู้นำ" แห่ง ระบอบทักษิณ ในขณะนี้ จะว่าไปแล้วก็เป็น วิบาก ที่เพิ่งเริ่มจะแสดงตัวออกมาให้เห็นเพียงเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น มันมีทั้งส่วนที่เขายังพอควบคุมได้ กับส่วนที่ตัวเขาต่อให้มีอำนาจล้นฟ้าแค่ไหนก็ไม่อาจควบคุมบังคับได้ ดำรงควบคู่กันไปอยู่
ชีวิตในส่วนที่คนเราสามารถเลือกเองได้นั้น มันขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเราเอง แต่ชีวิตในส่วนที่คนเราไม่อาจเลือกได้นั้น มันขึ้นอยู่กับ ลิขิตของฟ้า ซึ่งเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับกฎแห่งกรรม และหลักปฏิจจสมุปบาท
คนที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงกรรมและวิบากกรรมของตัวเองได้ ก่อนอื่นเขาผู้นั้นจะต้องเข้าใจให้กระจ่างเสียก่อนว่า อะไรภายในตัวเขา ที่เป็นตัวกำหนดให้เขาเลือก วิถีของมาร หรือ วิถีของฟ้า อะไรภายในตัวเขาที่ทำให้เขาถูกเลือกหรือไม่อาจเลือกได้?
โดยทั่วไป ข่าวสาร ความทรงจำ และประสบการณ์ในอดีตของคนเรามักเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดให้คนเราเลือกก็จริง แต่ก็ไม่เสมอไป ผู้คนส่วนใหญ่คงเคยมีประสบการณ์หรือเคยพบเห็นคนที่ติดบุหรี่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าบุหรี่เป็นภัยต่อร่างกายใช่มั้ย?
ทำไม ข่าวสารเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ ความทรงจำ เกี่ยวกับผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากโรคทางเดินหายใจ อันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่จัด จึงไม่สามารถกำหนดคนผู้นั้นให้เลิกบุหรี่ได้?
คำตอบที่ตรงและรวบรัดที่สุดก็คือ เพราะคนผู้นั้นรู้ว่าบุหรี่เป็นภัยต่อร่างกายก็จริง แต่ตัวเขาไม่สามารถบังคับตัวเขาให้เลิกบุหรี่ได้นั่นเอง
คราวนี้ลองแทนที่คำว่า "บุหรี่" ด้วยคำว่า "คอร์รัปชัน" ก็จะได้ว่า ทั้งๆ ที่ผู้มีอำนาจล้วนรู้ดีว่า การคอร์รัปชันเป็นมะเร็งร้ายของประเทศ แต่ตัวเขากลับไม่สามารถบังคับตัวเขาเองให้เลิกคอร์รัปชันได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าจะเพื่อตนเองหรือพวกพ้องก็ตาม
นี่คือ ความลับ ที่เคยเป็น ปริศนา ข้อหนึ่งของ "ผู้นำ" แห่ง ระบอบทักษิณ ที่พูดย้ำมาโดยตลอดว่า "รวยแล้วไม่โกง"
เหตุที่ผู้มีอำนาจไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ทั้งๆ ที่เขารู้หรือมีจิตสำนึกอยู่ลึกๆ ว่า การกระทำหรือการเลือกเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่สมควร ก็เพราะว่า ภายในตัวเขามี "ตัวเขาอีกคนหนึ่ง" ที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้จักมันดี ดำรงแฝงเร้นอยู่ และมามีอิทธิพลอย่างสูงต่อการเลือกต่างๆ ของตัวเขาอยู่เสมอ นั่นเอง
พูดง่ายๆ ก็คือ การที่ผู้มีอำนาจบังคับตัวเองให้ทำดีอย่างแท้จริงไม่ได้ ก็เพราะตัวเขาบังคับใจตัวเอง ไม่ได้ คนที่ยังควบคุมอารมณ์โลภ โกรธ หลง อย่างหยาบๆ ยังไม่ได้ในเชิงสัมมาวาจา คงเป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะสามารถบังคับใจตัวเองได้ เพราะ ใจของมนุษย์นั้น มีหลายชั้นดำรงอยู่ ปุถุชนรู้จักใจของตนเองแค่ระดับเปลือกนอกเท่าที่สำนึกรู้สัมผัสได้เท่านั้น
ผู้ที่ไม่อาจบังคับควบคุมจิตใจตัวเองให้เลือกกระทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควร ชอบด้วยคุณธรรม เปี่ยมด้วยสมาธิและปัญญา จึงไม่อาจเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนบุคลิกภาพของตนเองได้ ก็เลยทำให้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองไม่ได้ในที่สุด
"ผู้นำ" ของเราก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปคือ ต่างรู้ดีว่าอะไรถูกอะไรผิด ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น มิใช่เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นอย่างจงใจแทบทั้งสิ้น แต่เขาก็ยังทำผิดอยู่อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะ ตัวเขาไม่มีพลังพอที่จะควบคุมจิตใต้สำนึกของเขา จิตใต้สำนึกนี้แหละที่เป็น "ตัวเขาอีกคนหนึ่ง" ที่ตัวเขาเองก็คงไม่รู้จักมันดีพอ แต่มันกลับมามีอิทธิพลบงการเหนือชีวิตเขา และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคมโดยรวม เพราะตัวเขาเป็นผู้นำประเทศ
ในทางจิตวิทยา จิตใต้สำนึก เป็นสภาพจิตที่ถูกขจัดออกจากจิตสำนึก เพราะฉะนั้น มันจึงมีลักษณะที่ถูกกดดัน เก็บกดหรือไม่ก็พยายามหลีกหนีหลบเลี่ยงจากความเป็นจริง ทำให้จิตใต้สำนึกมีลักษณะที่บิดเบี้ยว ผิดปกติจนเป็นลักษณะวิสัยธรรมดา
แต่จิตใต้สำนึกนี้มันมิได้ถูกเก็บกดเฉยๆ มันยังคงทำงานของมันอยู่ทุกขณะ โดยที่ตัวเขาเองอาจจะไม่รู้ตัว ด้วยการเข้าไปพยายามกระตุ้นจิตสำนึกของเขาให้เลือกให้กระทำไป ตามความปรารถนา ของมันที่ถูกเก็บกดเอาไว้
เพราะฉะนั้น การต่อสู้กับจิตใจตัวเอง รวมทั้งการควบคุมใจของตนเองก็คือ การต่อสู้กับจิตใต้สำนึกที่เป็นความปรารถนาที่ถูกเก็บกดในลักษณะที่บิดเบี้ยวผิดปกตินี้
ผู้ที่สามารถต่อสู้เอาชนะจิตใต้สำนึกนี้ได้เท่านั้น ถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของตัวเองได้ จิตใต้สำนึกของคนเรานั้นมีต้นตอมาจาก ความกลัวความหวาดวิตกในจิตใจของมนุษย์ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติทุกรูปแบบอย่างเป็นฝ่ายถูกกระทำข้างเดียวได้ฝังรากลึกลงในจิตใจของมนุษย์กลายเป็นข่าวสารพันธุกรรมที่สืบทอดมาจนถึงมนุษย์ยุคปัจจุบันในรูปของ จิตใต้สำนึก และ จิตไร้สำนึก
ด้วยเหตุนี้ การมุ่งฝึกการควบคุมจิตใต้สำนึกและจิตไร้สำนึก ที่ศาสนาพุทธเรียกว่า อนุสัย จึงมีผลโดยตรงที่จะเปลี่ยนแปลงมนุษย์ผู้นั้นจาก ข้างใน จาก โครงสร้างเชิงลึก ได้จริง ลำพังแค่อ่านหนังสือธรรมะ ไม่ว่าจะอ่านมากมายแค่ไหน ก็ไม่มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงจากข้างในได้หรอก แม้ว่ามันอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปลี่ยนตัวเองได้บ้างก็ตาม
มาถึงขั้นนี้แล้ว เราคงไปเปลี่ยน กรรมของทักษิณ ไม่ได้แล้ว แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะหันมาเปลี่ยน กรรมของพวกเรา กันเอง ตามแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งถ้าหากพวกเราจำนวนมากๆ สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของตัวเองได้พร้อมๆ กันอย่างขนานใหญ่แล้ว มันก็ย่อมไป เร่งกรรม ของทักษิณได้เอง